ปชป.ชี้11รัฐมนตรีผ่านศึกซักฟอกฉลุย-ไม่หวั่นศท.-พรรคเล็กร่วมขั้วค้าน
“รองเลขาปชป.”ชี้11รัฐมนตรีผ่านศึกซักฟอกฉลุย-ไม่หวั่นศท.-พรรคเล็กร่วมขั้วค้าน เชื่อ “ส.ส. – ปชช.” ไว้วางใจให้รัฐบาลทำงานจบครบเทอม
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมือง ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 19 – 22 กรกฎาคมนี้ว่า ขณะนี้รัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายทั้ง 11 คน โดยเฉพาะรัฐมนตรี 3 คนจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เตรียมความพร้อมและข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อตอบข้อกล่าวหาที่ทางฝ่ายค้านได้เขียนเอาไว้ในญัตติฯ มากพอสมควรแล้ว
ซึ่งจากเท่าที่ตนอ่านญัตติฯ แล้ว มีความเชื่อมั่นว่า รัฐมนตรีทุกคนสามารถตอบคำถามได้ เพราะในญัตติที่พรรคฝ่ายค้านเขียน เช่น การกล่าวอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม บริหารประเทศทำให้ประชาชนในชาติแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขยายวงกว้างขึ้นมากกว่าเดิมนั้น ต้องย้อนกลับไปว่า พรรคการเมืองใดที่เคยใช้มวลชนมาเป็นเบี้ยทางการเมือง พอสมประโยชน์แล้วก็ปล่อยทิ้งอย่างไม่ใยดี และยังมีความพยายามที่จะปลุกมวลชนเพื่อสนองความต้องการในการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง
อีกทั้ง มีกลุ่มการเมืองนอกจากจะแบ่งแยกเป็นประชาชนเป็นคนรุ่นนั้นรุ่นนี้แล้ว ยังเจริญรอยตามโดยการมีมวลชนที่พร้อมจะจัดทัวร์เพื่อให้ลงในพื้นที่ส่วนตัวของบุคคลอื่นๆ ในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ส่วนกรณีของนายจุรินทร์ ที่ระบุว่า ล้มเหลวและไร้ความรู้ความสามารถ ปล่อยให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นจนกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน จนส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกหย่อมหญ้านั้น
ทั้งนี้หากฝ่ายค้านติดตามการทำงานของนายจุรินทร์ ก็จะพบว่า นายจุรินทร์ ได้ใช้ทั้งไม้นวมและไม้แข็ง ในการดูแลเรื่องราคาสินค้า ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งล่าสุดขณะนี้น้ำมันปาล์มขวดลดราคาลงมาถึง 5 บาท รวมทั้ง ยังมีผลงานอีกมากมายในการบริหารของนายจุรินทร์ ในกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะมีการชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ด้วย
“ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่มีรายชื่อนั้น ผมเชื่อมั่นว่าสามารถชี้แจงและใช้โอกาสนี้ในการบอกเล่าผลงานให้ ส.ส.ทั้งสภาและประชาชนทั้งประเทศ ได้รับทราบ เพราะดูเหมือนว่า ผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมานั้น ถูกนักการเมืองบางรายได้บิดเบือนด้วยคำพูดที่เปรียบเสมือนกับเป็น ‘แผ่นเสียงตกร่อง’ จนทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด”
ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ถึงแม้ว่า จะมีความเคลื่อนไหวของบรรดา ส.ส. ในพรรคเล็กๆ ที่มีการเจรจาต่อรองกัน รวมทั้ง การที่พรรคเศรษฐกิจไทย มีท่าทีไม่สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ซึ่งอาจจะสร้างความกังวลใจบ้าง แต่ผมเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ เพราะผมเชื่อว่า การทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาลก็เป็นคำตอบให้ ส.ส. และประชาชนเห็นแล้วว่า สมควรที่จะให้บริหารประเทศต่อไปจนครบวาระของสภาในช่วงเดือนมีนาคม 2566 นี้