ปรับกลยุทธ์กล้วยๆ หนีบ๊วย เหมาแพ็กเกจ “รวมก้อน” ล็อกเสียงแตก
ศึกซักฟอกครั้งนี้จึงน่าจับตาว่า ยุทธวิธีแพ็กเกจ “กล้วยรวมก้อน” จะสามารถแก้ปัญหาเสียงแตกได้หรือไม่ ในเมื่อไม่มี “รัฐมนตรีคนใด” ยอมรั้งบ๊วยได้เสียงโหวตไว้วางใจน้อยกว่าคนอื่น
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจยุคนี้ ไม่ใช่นาทีทองของ “ขั้วฝ่ายค้าน” ที่จะแสดงผลงานจับทุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนเก่าก่อน แต่กลับเป็นนาทีทองของ “พรรคเล็กบางพรรค” ปั่นค่าตัว เพิ่มแรงต่อทางการเมือง
ตั้งแต่ศึกซักฟอกครั้งแรก จนถึงศึกซักฟอกครั้งสุดท้าย ก็ยังมีกระแส “พรรคเล็กบางพรรค” ใช้มุกเดิม ปั่นกระแส สร้างเรื่องราวจนบรรดารัฐมนตรีผวา บางรายมือใหม่ ภูมิต้านทานไม่สูงพอ ก็ต้องยอมแพ้แรงต่อรอง เพื่อค้ำยันเก้าอี้ของตัวเอง
จึงไม่แปลก ที่จะเห็น “รัฐมนตรีบางคน” ออกมาฟาดงวงฟาดงา หลังมีชื่ออยู่ในญัตติซักฟอก ทั้งที่เปิดดีล ถอนชื่อออกไปแล้ว
เอาเข้าจริง รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่ได้กลัวประเด็นซักฟอก มากกว่าภาพลักษณ์เรื่องคะแนนรั้งบ๊วย และไม่อยากมีค่าใช้จ่ายในยามเศรษฐกิจฝืดเคือง โดยเฉพาะในช่วงนับถอยหลัง เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา ซึ่งจำเป็นต้องตุนกระสุนไว้ให้มากที่สุด
ว่ากันว่า บทเรียนจากค่าโง่ที่ผ่านมา การเพลย์เซฟคะแนนในศึกซักฟอกครั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงคะแนนเกินครึ่ง และคะแนนไม่เท่ากัน
จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจากครั้งก่อนๆ หันมาใช้ยุทธวิธี “รวมก้อน” แต่กำหนดไว้เป็น “แพ็คเกจ”เดียวกัน โดยไม่แตกแถว หรือยอมตามความพอใจของฝ่ายเรียกร้อง
เนื่องจากมีบทเรียนมาจากครั้งก่อนๆ “รัฐมนตรีบางราย” เคลียร์ผ่าน “ตัวกลาง” ที่รับประกันว่า จะได้แต้มโหวตเท่ากับรัฐมนตรีคนอื่น
ทว่า สุดท้ายเสียงโหวตที่ออกมา รัฐมนตรีคนดังกล่าวกลับได้แต้มน้อยสุด เมื่อสืบสาวราวเรื่อง จนรู้ว่า ถูก “ตัวกลาง” เล่นแร่แปรธาตุ หักเก็บไว้เอง เพราะนับแต้มแล้วเห็นว่า อย่างไรเสียรัฐมนตรีก็รอดทุกคน จึงให้ “พรรคเล็กบางพรรค”งดออกเสียง
ดังนั้น ครั้งนี้จึงน่าจับตาว่า ยุทธวิธีแพ็คเกจ “รวมก้อน” จะสามารถแก้ปัญหาเสียงแตกได้หรือไม่ ในเมื่อไม่มี “รัฐมนตรีคนใด” ยอมรั้งบ๊วยได้เสียงโหวตไว้วางใจน้อยกว่าคนอื่น