“ปิยบุตร” เดือดถึงขั้นด่า “บิดามารดร” ถูกสปายแวร์ “เพกาซัส” เจาะ 8 ครั้ง
“ปิยบุตร” เดือดจัด! ด่าถึง “บิดามารดร” ปมสปายแวร์ “เพกาซัส” เผยเคยถูกบุกเจาะรวม 8 ครั้ง อัดอั้นมีแต่นักกิจกรรม-นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่โดน ลั่นรัฐบาลไทยไม่อาจอ้างความมั่นคงมาทำเรื่องชั่ว ๆ ได้
เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2565 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล ในประเด็น “โทรศัพท์ของผมถูก “โจร” ใช้ Pegasus Spyware เจาะ 8 ครั้ง เพื่อสอดแนมติดตาม” ว่า iLaw และ CitizenLab ร่วมกับนักวิชาการและนักกิจกรรมแถลงข่าวเรื่อง “ปรสิตติดโทรศัพท์ : ปฏิบัติการสอดส่องผู้เห็นต่างด้วยสปายแวร์เพกาซัสในประเทศไทย” เพื่อเปิดเผยว่านักกิจกรรม นักวิชาการ หลายคนถูกโปรแกรม Pegasus Spyware เจาะเข้าระบบเพื่อติดตามสอดแนม โดยช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ได้รับอีเมล์แจ้งเตือนจากบริษัทแอ๊ปเปิ้ล หัวข้อ “ALERT : State-sponsored attackers may be targeting your iPhone” อ่านดูตอนแรก ก็คิดว่านี่เป็นจังค์เมล์หรือเปล่า แต่ปรากฏว่า ถามไถ่หลาย ๆ คนในแวดวง ก็ได้รับเมล์เตือนแบบนี้เช่นเดียวกัน
“มีผู้บอกผมว่า ทาง Citizen Lab ได้ประกาศเตือนว่า มีบริษัทสปายแวร์แอบสอดแนมผู้ใช้งาน iPhone หลายคน ส่วนใหญ่เป็นนักกิจกรรม นักวิชาการ นักข่าว นักการเมือง ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในหลายประเทศ ผมทราบดังนั้น ก็เลยรบกวนให้ทาง iLaw ช่วยประสานงานนำ iPhone เครื่องดังกล่าวให้ทาง Citizen Lab ตรวจสอบดู ผลปรากฏว่า iPhone ของผมเครื่องดังกล่าว ถูกโปรแกรม Pegasus Spyware บุกเจาะเข้าไปรวมทั้งหมด 8 ครั้ง ระหว่างวันที่ 3 ธันวาคม 2563 ถึง 4 กรกฎาคม 2564” นายปิยบุตร ระบุ
นายปิยบุตร ระบุอีกว่า Citizen Lab และ iLaw อธิบายว่า Pegasus Spyware ผลิตโดยบริษัท NSO Group บริษัทผู้ให้บริการด้านความมั่นคงไซเบอร์ จากอิสราเอล โดยบริษัทจะขาย Pegasus Spyware นี้ให้กับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น และทางการอิสราเอลต้องอนุมัติเสียก่อน หากโทรศัพท์เครื่องใด ถูกเจ้าม้าขาว เพกาซัส เจาะเข้าไปได้สำเร็จ โทรศัพท์เครื่องนั้นจะแปลงสภาพกลายเป็นเครื่องมือสอดแนมระยะไกล สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดในโทรศัพท์ ทั้งภาพ วิดีโอ ข้อความ บันทึกการโทร และยังเปิดกล้อง ไมโครโฟนเพื่อสอดแนมพฤติกรรมของเจ้าของโทรศัพท์ได้อีกด้วย โดยที่เจ้าของไม่มีทางรู้ตัว
“ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้าม้าขาว เพกาซัส นี้มาอยู่บ้าง ตอนเดินทางมาฝรั่งเศส เพื่อนนักการเมืองและนักกิจกรรมที่นี่เล่าให้ผมฟังถึงอิทธิฤทธิ์ของเจ้าม้าขาวตัวนี้ และก็เล่าว่านักการเมือง สื่อ เอ็นจีโอ ที่นี่โดนกันหลายคน แต่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า วันหนึ่ง ไทยจะสั่งเข้ามาใช้ วันหนึ่ง ผมจะโดนเสียเอง แต่ไหนแต่ไร เราอาจรู้จักเรื่องการสอดแนมผ่านเทคโนโลยีได้จากการดูภาพยนตร์และซีรีส์ แต่มาวันนี้ ไม่ต้องดูทางหนังหรือซีรีส์แล้ว ดูกับตนเองนี่แหละ” นายปิยบุตร ระบุ
เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุว่า นับตั้งแต่ประกาศตั้งพรรคอนาคตใหม่ ตนโดนหน่วยงานของรัฐติดตาม สอดแนม อยู่บ่อยครั้ง สมัยก่อนตอนเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มีโดนติดตามอยู่บ้าง แต่ก็เฉพาะตอนจัดงานเสวนาสาธารณะที่มีคนมาฟังจำนวนมาก จนหลังรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เริ่มไปกันใหญ่ ส่งเจ้าหน้าที่มานั่งฟังปะปนกับนักศึกษาในห้องบรรยายระดับปริญญาตรี ตนคุ้นชินกับเรื่องผิดปกติพรรค์นี้อยู่พอสมควร พอเข้ามาแวดวงการเมือง ก็คาดได้ว่าคงจะเจอเรื่องทำนองนี้อีกมาก แต่ที่เกินคาด คือ มากเกินไป และหลายเรื่องเป็นการกะทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใช้อำนาจโดยมิชอบ คุกคามตนและคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ส่งคนติตตามไปทุกที่ ทุกจังหวัดที่ไป เมื่อจบภารกิจจังหวัดหนึ่ง ผ่านแดนไปอีกจังหวัดหนึ่ง ก็ส่งต่อให้อีกทีมทำงานกันต่อเป้นทอดๆ บางครั้ง หลายหน่วยงานก็ส่งเจ้าหน้าที่ของตนเองมาติดตามสอดแนมผมพร้อมๆกันโดยมิได้นัดหมาย เอารถมาจอดเฝ้าหน้าหมู่บ้านทุกวัน เมื่อไรที่รถของตนออกจากหมู่บ้านก็ขับตาม เอาชื่อขึ้นลิสต์ไว้ทุกสนามบิน เมื่อปรากฏว่าเดินทางไปลงสนามบินไหน พวกเขาก็จะส่งคนติตดามหรือไปกดดันและสอบถามทีมงานในจังหวัดต่างๆขององค์กรที่สังกัดทันที เดือนก่อน ไปรณรงค์ “ปลดล็อคท้องถิ่น” ที่พิษณุโลก ตำรวจก็สั่งการผ่านหนังสือ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเฝ้าระวังเต็มที่ เนื้อหาในหนังสือทำราวกับว่าตนเป็นอาชญากร
“จนมาถึงเรื่องล่าสุด Pegasus Spyware ผมเคยคิดว่า การติดตามสอดแนมคุกคามที่บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อผม มันคงยุติได้ตามเส้นพรมแดนสมมุติที่วาดเป็นอาณาเขตประเทศไทย เมื่อเราเดินทางไปประเทศอื่น คงพ้นจากอำนาจรัฐไทยในการตามสอดส่อง เวลาผมรอขึ้นเครื่องบิน ก่อนเดินทางออกนอกอาณเขตประเทศไทย ยังคิดเล่นๆเชิงสัญลักษณ์ว่า “เออ อีกไม่กี่ชั่วโมง เราก็จะพ้นจากอำนาจรัฐไทยที่คุกคามเรา อย่างน้อยๆ ชั่วคราวก็ยังดี แต่พอผมเจอเจ้าม้าขาว เพกาซัส นี้เข้าไป กลายเป็นว่า ไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน มันก็สามารถติดตามผมไปได้ทุกที่” นายปิยบุตร ระบุ
นายปิยบุตร ระบุด้วยว่า การใช้ Pegasus Spyware ติดตามสอดแนมผม นักกิจกรรม นักวิชาการ จำนวนมากในครั้งนี้ ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน รัฐบาลไทยไม่มีอำนาจใดๆตามกฎหมายที่จะละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนบุคคลและเสรีภาพในการแสดงออกได้ถึงขนาดนี้ รัฐบาลไทยไม่สามารถอ้างเรื่องความมั่นคงมาเป็นเหตุผลในการทำชั่วๆแบบนี้ได้เลย เพราะบุคคลที่ถูกเฝ้าติดตาม ไม่ได้กระทำการใดที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ การแสดงออกของพวกเขาทั้งหมด มิได้กระทบต่อการดำรงอยู่ของประเทศไทย มิได้ไปทำภยันตรายใดๆต่อรัฐไทย ต่อให้พูดให้เขียนไปอีกกี่ครั้งกี่หน รัฐไทยก็ยังคงอยู่ในโลกนี้ได้ การแสดงออกของพวกเขา หากจะเป็นภยันตรายต่อใครได้บ้าง ก็คงเป็นบรรดาคนที่มีอำนาจอยู่ในรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งคนละเรื่องกับความมั่นคงของรัฐ
“การติดตามสอดแนมด้วย Pegasus Spyware ไม่เพียงแต่กระทำการอุกอาจลงไปโดยปราศจากกฎหมายให้อำนาจแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนบุคคลและเสรีภาพในการแสดงออก โดยเกินกว่าเหตุจะไม่เรียกว่าเกินกว่าเหตุได้อย่างไร ในเมื่อไอ้เทคโนโลยีตัวนี้ที่พวกเขาเอามาใช้ทำชั่วๆอย่างหน้าด้าน น่าไม่อาย มันสามารถทำให้พวกเขาเหมือนเข้ามานั่งเฝ้าอยู่ในบ้านเรา 24 ชั่วโมง ทุกวัน หนำซ้ำมันยังช่วย “ขโมย” ข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละคนได้อีก คนที่ใช้เครื่องมือแบบนี้ ไม่ควรเรียกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ควรเรียกว่า “โจร” และถ้าใส่เครื่องแบบกระทำการ ก็เป็น “โจรในเครื่องแบบ”” นายปิยบุตร ระบุ
เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวอีกว่า ไอ้ถ้อยคำข้ออ้างชั่วๆว่า “แหม ติดตามสอดแนมนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ไม่ต้องกลัวหรอก”” ใครที่พูดแบบนี้ ก็ต้องโดนถามกลับไปดังๆว่า “นิดหน่อยบ้านบิดามารดรคุณหรือ ในเมื่อมันสามารถเฝ้าติดตามได้ตลอดเวลา แถมยังขโมยของของเราไปได้ด้วย” “ไม่ได้ทำผิดกลัวอะไร อ่อ ถ้างั้น เอาไปติดตามพวกคุณ พวกคนในรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ/ตำรวจ บ้างมั้ย”
“ผมยืนยันว่า เรื่องนี้คือเรื่องอุกอาจ ร้ายแรง เลวทราม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องเหยื่อหัวร้อนไปเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนไม่ชอบผม อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับผม จะมาดีอกดีใจ เพราะ ถ้าเรายอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ต่อไป ไม่ว่าใครก็ถูกละเมิด ถูกสอดแนมติดตามได้ทั้งสิ้น เรื่องนี้ผิดกฎหมาย ถ้ารัฐมนตรีคนไหน เจ้าหน้าที่คนใดสั่งการ ก็คือ คนที่ทำผิดกฎหมาย และไม่สมควรเป็นรัฐมนตรีต่อไป ไม่สมควรเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป เพราะหากให้พวกเขาเป็นต่อไป เราจะแยกไม่ออกว่าใครเป็น “โจร” ใครเป็น “รัฐมนตรี” ใครเป็น “เจ้าหน้าที่” ร่วมมือกันหยุด “โจร” ใช้อำนาจรัฐและงบประมาณแผ่นดินในการคุกคามประชาชน” นายปิยบุตร ระบุ