"ประเสริฐ" ซักฟอก "ถุงมือยาง" ภาค 2 ซัด "จุรินทร์" เอื้อ "ก๊วนฟอกเงิน" 2,000 ล้าน
"ประเสริฐ" อภิปราย "ถุงมือยาง" ภาคสองซัด "จุรินทร์" ทำ อคส.เสียหายปล่อย "สุชาติ" คนสนิทนั่งบอร์ดต่อจนครบวาระ พร้อมฉายภาพ เส้นทางฟอกเงิน 2 พันล้านบาท ยักย้าย ข้ามประเทศก่อนส่งกลับไทย แฉก๊วนเขมือบกินหรูอยู่สบาย ซื้อลัมโบร์กีนี – นาฬิกาหรู
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการอภิปรายไม่วางใจ 11 รัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายในส่วนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ประเด็นถุงมือยาง ภาค 2 ว่า กรณีการทุจริตถุงมือยางมูลค่า 2 พันล้านบาทเป็นเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รู้ดีแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถนำเงินดังกล่าวคืนกลับมาได้
กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เกรงใจ ไม่กล้าปลด นายจุรินทร์ ออกจากตำแหน่ง เพราะเป็นพรรครวมรัฐบาล ขณะที่พฤติการณ์ของนายจุรินทร์ กลับไม่มีการอายัดเงินจำนวนดังกล่าวให้ทันต่อเหตุการณ์ แต่มีเจตนาทอดเวลา จนกลุ่มผู้กระทำความผิดได้ทำเงินที่ได้ไปทำการฟอกเงินกระจายไปบัญชีต่างๆ จนยากที่จะติดตามคืนได้
ทั้งนี้ตนจะชี้ให้เห็นถึงเส้นทางในการฟอกเงิน ของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด และนายธณรัสย์ หัดศรี กรรมการผู้จัดการบริษัท ซึ่งการอภิปรายครั้งที่แล้วตนพยายามจะชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างนายธณรัสย์และนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า(อคส.) เรื่องนี้ได้มีการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จนกระทั่งป.ป.ช.ได้ทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2564
โดยกรณีนี้ ป.ป.ช.มีการตั้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องกว่า 22 ราย และจากการไต่สวนเบื้องต้นพบว่า มีข้อมูลเพียงพอที่จะชี้มูลการกระทำความผิดได้
โดยในส่วนของนายสุชาติ นั้น นายจุรินทร์ ทราบดีว่าถูกป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา แต่กลับปล่อยให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ไปจนครบวาระในวันที่ 17 ธ.ค.2564 โดยที่ไม่ได้ให้นายสุชาติ ทำบันทึกชี้แจงกรณีดังกล่าวหรือเสนอตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
พฤติกรรมของนายจุรินทร์ เคยตอบสภาฯ ว่าเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์ เพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะรมว.พาณิชย์ มีอำนาจกำกับ อคส.โดยตรง วันนี้ตนมาทวงคำพูดที่นายจุรินทร์ เคยพูดไว้เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2564 ว่า "ใครก็ตามเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไม่เว้นแม้แต่ประธานบอร์ดผมไม่เอาไว้" แต่กลับปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่อเพื่อปกปิดภัยที่จะมาถึงตัวเอง
จากนั้น นายจุรินทร์ยังมีการแจ้งตั้ง นายวิชัย โภคชนะกิจ อดีตอธิบดีกรมการค้าภายใน มาเป็นประธานบอร์ดอคส. ทั้งที่มีประวัติความไม่ชอบมาพากล กรณีหน้ากากอนามัยขาดแคลนในยุคโควิดแพร่ระบาด นอกจากนี้นายจุรินทร์ ยังมีการแต่งตั้ง นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต เป็น ผอ.อคส.ซึ่ง นายเกรียงศักดิ์ มีความสนิทสนมกับนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ น้องชายนายจุรินทร์ เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้การที่ นายจุรินทร์ไม่มีการระงับยับยั้งกรณีที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดความเสียหาย 1.มีการฟอกเงิน โดยมีการกระจายเงินสด จำนวน 1,800 ล้านบาท ที่ บริษัท การ์เดียนได้รับแล้ว โดยมีการโอนกันไปกันมาบัญชีอื่นอีก 3 บัญชี ระหว่างวันที่ 3 ก.ย. - 3 พ.ย.2563 มีการเงินเป็นจำนวน 56.33 ล้านบาท จากธนาคารหลายแห่งซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า การถอนเงินจำนวนมากเช่นนี้ ทั้งที่ปกติธนาคารจะไม่สำรองเงินไว้จำนวนมาก และเหมือนมีการเตรียมการมา การดำเนินการที่ส่อเข้าข่ายการทำธุรกรรมที่ผิดปกติเช่นนี้ ธนาคารได้แจ้งป.ป.ง.ตามระเบียบการโอนเงินครั้งละไม่เกิน 2 ล้านบาทหรือไม่
2.มีการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จในการออกหนังสือรับรองยอดเงินฝากในการเพื่อนำไปจดทะเบียนที่สำนักหุ้นส่วน จ.นครปฐม และมีการฟอกเงิน 2 พันล้านบาท อย่างเปิดเผย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า มีการโอนเงินให้นิติบุคคลอย่างมีพิรุธนอกจากนี้ ยังมีการโอนเงินอย่างมีพิรุธไปยัง 8 บริษัท รวม 967 ล้านบาท
ที่น่าแปลกใจอีกเรื่องคือ มีการโอนเงินไปยังบริษัท RN ของประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 301 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่การฟอกเงินในประเทศอย่างเดียว แต่เป็นการฟอกเงินข้ามประเทศ
ดังนั้น สิ่งที่จะต้องติดตามต่อคือ เมื่อนำเงินไปฟอกต่างประเทศแล้ว เงินบินกลับมาประเทศไทย เข้ากระเป๋าใคร ซึ่งตนสงสัยว่าอาจจะเข้ามาที่กระทรวงแถวสนามบินน้ำ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาหรือไม่
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคล ซึ่งสงสัยว่าไม่ใช่ค่าถุงมือยาง แต่เป็นการฟอกเงินลักษณะตัวแทน หากนายจุรินทร์ มีคำสั่งอายัดเงิน ความเสียหายจะไม่เกิดขึ้น แต่นายจุรินทร์ กลับทอดเวลาให้มีการฟอกเงินอย่างลอยนวล
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการโยกย้ายเงินเพื่อทำหนังสือรับรองยอดเงินฝาก นำไปใช้เปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนเพิ่มทุนของบริษัท การ์เดียนฯ จากเดิมทุนจดทะเบียนเพียง 5 ล้านบาท เป็น 2.5 พันล้านบาท นายจุรินทร์ อย่าอ้างว่าไม่รู้แบบนี้เรียกว่าโง่จริงหรือว่าแกล้งโง่
ส่วนที่ตนกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์ ว่าปล่อยให้ผู้ทุจริตกินหรูอยู่สบาย เพราะก่อนที่จะทำสัญญากับองค์การคลังสินค้า นายธณรัสย์ มีบ้านเป็นตึกเก่าอยู่นครปฐม แต่หลังจากนั้นก็ได้ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายไปซื้อรถลัมโบร์กีนี ซื้อนาฬิกาหรูริชาร์ด มิลล์ วันนี้ นายจุรินทร์อย่ามาแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะวันนี้ตนมีใบเสร็จ
“วันนี้ผมถือว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ถ้าก่อนวันที่ 14 ก.ย.63 ทั้งนายจุรินทร์ และพล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจยับยั้ง ความเสียหายก็จะไม่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่า นายจุรินทร์มีประสบการณ์ วันนี้ไม่ต้องมาทวงถามใบเสร็จจากผม เพราะทุกวันนี้ วิธีการทุจริตพัฒนาไปหลายวิธี นายจุรินทร์ไม่ต้องตอบว่าไม่ได้รับ ไม่เกี่ยวข้อง ผมเชื่อว่าต้องปฏิเสธอยู่แล้ว แต่พฤติกรรมบ่งบอกว่าเงินต้องตกอยู่ในมือของผู้มีอิทธิพลทางการเมืองแน่นอน เพราะเกือบ 2 ปี แล้วเงินยังไม่กลับคืนมา” นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอให้ป.ป.ช.สอบสวน พล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์ อีกครั้ง โดยจะนำเส้นทางการเงินไปยื่นให้ ทั้งนี้ การละเว้นก็คือ การทุจริต ด้วยพฤติกรรมดังกล่าว ตนจึงขอกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รู้เหตุแห่งความเสียหาย แต่จงใจไม่ระงับยับยั้ง ความเสียหายที่จะเกิดต่อหน่วยงานของรัฐ ปล่อยปละละเลยให้มีการฟอกเงินทั้งใน และต่างประเทศ นโยบายที่แถลงต่อสภาเป็นแค่ลมปาก ส่วนนายจุรินทร์ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พฤติกรรมที่แสดงออกไม่ว่าจะเป็นการทอดเวลา ไม่อายัดเงิน 2 พันล้านบาท ปล่อยให้นายสุชาติ ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ อีกทั้งยังให้นายสุชาติ เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะสอบสวนเรื่องทุจริต 2 พันล้านบาท ทั้งที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็เหมือนเป็นแบล็คป้องกันนายจุรินทร์ ส่วนการดำเนินคดีไปตกอยู่กับแพะ แต่กลุ่มผู้ทุจริตยังกินหรูอยู่สบาย พฤติกรรมที่ไม่กล้าแตะนายสุชาติ เป็นการบอกว่านายจุรินทร์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง
"ฉะนั้นผมจึงไม่อาจไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์ ให้ปฏิบัติหน้าที่อีกต่อไป หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) รู้ว่ามีการทุจริต หวังว่าอย่าได้เกรงใจทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์ ขอให้ยึดประโยชน์ประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้ถือวาระนี้เป็นการปราบปรามการทุจริต โดยลงมติไม่ไว้วางใจต่อไป"
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์