"นายกฯ" พ่ายฝีปาก "อมรัตน์" ขอยอมแพ้-ไม่สู้เรื่องพูดส่อเสียด-ให้ร้าย
"อมรัตน์" ซัด "กลาโหม" ล็อคผู้รับเหมาก่อสร้าง เชื่อมีค่าน้ำร้อนน้ำชา ด้าน "ประยุทธ์" ลุกชี้แจง ก่อนพ่ายฝีปาก ขอยอม ไม่สู้การพูดส่อเสียด
ในการประชุมสภาฯ วาระอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เนื่องจากไม่กำกับดูแลงานของกระทรวงกลาโหม หลังพบว่าปล่อยให้มีการล็อคสเปคงานก่อสร้างในกองทัพ ทั้งโครงการก่อสร้างบ้านพักผู้บัญชาการกองทัพเรือ มูลค่า 65 ล้านบาท โดยกองทัพเรือได้ทำการประกาศราคากลางของโครงการดังกล่าวในวันที่ 15 มีนาคม 2562 ปรากฎว่ามี 3 บริษัทเข้าร่วมยื่นเสนอราคาแข่งขัน โดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัก (มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลงานดังกล่าวในวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และได้ทำการเซ็นสัญญาก่อสร้างในอีก 2 วันถัดมา คือวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 แต่เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางดาวเทียมกลับพบว่าผู้รับเหมาได้เข้าทำการรื้อถอนบ้านพักเดิมและทำการสร้างใหม่แล้วตั้งแต่ก่อนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 หรือก็คือผู้รับเหมาได้เข้าทำการสร้างคฤหาสน์หลังใหม่ให้กับผู้บัญชาการกองทัพเรือล่วงหน้า 3 เดือนก่อนที่จะรู้ผลว่าใครเป็นผู้ชนะการประมูล
นางอมรัตน์ อภิปรายด้วยว่า นอกจากนั้นยังมีโครงการสร้างแท่นประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 9 และงานปรับปรุงภูมิทัศน์ ที่จะนำมาแทนที่อนุสาวรีย์พระยาพหลที่เพิ่งทำการรื้อถอนออกไป กรมยุทธโยธาทหารบกเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการคัดเลือก โดยบริษัท ไอยเรศ จำกัดชนะการคัดเลือก ด้วยการเสนอราคา 59,873,500 บาท จากราคากลาง 59,993,500 บาท โดยโครงการดังกล่าวประกาศตัวผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 และทำการเซ็นสัญญากันในวันที่ 27 สิงหาคม 2564 แต่เมื่อดูจากแผนที่ทางดาวเทียมพบว่ากองทัพได้ให้ผู้รับเหมาเริ่มทำงานไปล่วงหน้าแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563
“แท้จริงแล้วเวลาที่มีโครงการก่อสร้างในกองทัพนั้น ได้มีการแอบล็อคผู้ชนะการประมูลกันก่อนเรียบร้อยแล้ว แบ่งกันล่วงหน้าว่างานนี้เป็นของใคร งานนั้นเป็นของใคร จากนั้นก็จ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาให้พวกนายพลไปตามลำดับชั้น แล้วค่อยทำการการประมูลหลอกๆ กันอย่างที่เห็น ทั้งนี้ขอมอบกระจกเงาให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่องพิจารณาตัวเองด้วย”นางอมรัตน์ อภิปราย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงต่อ ในข้อกล่าวหาหลายประเด็นโดยเฉพาะที่ช่วงเร่ิมต้นการอภิปรายไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ว่า เมื่อเช้าตนติดภารกิจกราบสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวันอาสาฬหบูชาถวายธูปเทียนเนื่องในวันวันเข้าพรรษา และขอแบ่งช่วงเวลาที่เป็นมงคลกับทุกท่าน สุดแล้วแต่ว่าใครจะรับได้หรือรับไม่ได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ทำกรรมดี ต้องได้รับกรรมดี ทำกรรมไม่ดี คงปรากฎต่อไป ตนพยายามทำอยย่างเต็มที่แต่อาจไม่ดีในสายตาท่าน
"วันนี้บอกว่าชื่อผมมีความหมายโน่นนี่ คิดดูละกันคำว่า ตู่กับเตี้ยเหมือนกันหรือไม่ คงไม่เหมือน แต่ประโยชน์ใครทำอะไรได้มากกว่า ผมเห็นท่านไปเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก ตลอดเวลา บอกว่าจะศึกษาประวัติศาสตร์ ก็โอเคและดี ขอให้ศึกษาในสิ่งที่ดีไว้บ้าง ที่ทำหลายอย่างปรากฎว่าก้าวล่วงสถาบันของชาติ ผมรับไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนกระจกผมไม่ค่อยได้ใช้” พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากนั้นนางอมรัตน์ ได้ใช้สิทธิประท้วงจนกลายเป็นการตอบโต้กันไปมาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ โดยนางอมรัตน์ ประท้วงต่อข้อกล่าวหาของพล.อ.ประยุทธ์ ต่อคำพูดว่าก้าวล่วงสถาบัน ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวร้ายแรงจะปากพล่อยกล่วาวหาคนอื่นได้อย่างไร อย่าพูดตีขลุม
ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้พยายามขอให้นั่งลงและฟังคำชี้แจง และระบุว่า เวลาที่ท่านพูด ผมยังฟัง กับสิ่งที่พูดไปดูในคดีต่างๆ เตรียมต่อสู้คดีแล้วกัน ซึ่งนายอมรัตน์ ยังลุกประท้วงสวนกลับว่า “ขอให้ถอนคำพูดทั้ง 2 อย่าง อย่าป้ายสี ที่ไปจับเด็กไปดำเนินคดีไม่ให้ถอนประกันตัว"
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบโต้ด้วยว่า "ผมไม่ได้ป้าย ผมไม่ได้ยุ่งในกระบวนการ ผมไม่ถอน” และก่อนการประะท้วงตอบโต้จะบานปลาย นายชวน ได้กล่าวตัดบทให้นายกฯชี้แจง หลังจากที่นางอมรัตน์ อภิปรายเสร็จและกล่าวหาแล้ว
จากนั้นน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงในคำกล่าวหาของพรรคฝ่ายค้านในหลายประเด็นทั้งการแก้ไขวิกฤตพลังงาน ราคาน้ำมัน ค่าโง่คลองด่าน ขณะที่โครงการก่อสร้างโครงการสร้างแท่นประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ นั้นมีคณะกรรมการคัดเลือก ใช้งบประมาณปี 2564 งบประมาณ59 ล้านบาท โดยหลังทำสัญญาผู้รับเหมาก่อสร้างแจ้งประสงค์บริจาคสิ่งปลูกสร้าง โดยไม่รับเงินค่าจ้างที่ระบุไว้ในสัญญา ยินยอมยกเลิกสัญญาโดยไม่เรียกร้องค่าเสียหาย ทั้งนี้กองหน่วยงานได้คืนเงินงบประมาณดังกล่าวให้กองทัพบกแล้ว และได้แจ้งไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้ทราบแล้ว
และกล่าวทิ้งท้ายว่า “ที่พูดโจมตีผมรับไม่ได้ แต่ต้องรักท่าน เพราะผมเป็นนายกฯ ผมขอถามว่ากี่คนในห้องนี้เป็นนายกฯมาก่อนหรือไม่ ผมย่อมมีประสบการณ์ แต่จะให้พูดส่อเสียดให้ร้าย ผมสู้ท่านไม่ได้ ผมยอมท่าน"