รัฐบาลพลิกเกมคืนชีพ“บัตรใบเดียว”ลุยแก้ รัฐธรรมนูญ 4 เดือน
ลุยแก้รัฐธรรมนูญภายใน 4 เดือน รัฐบาลพลิกเกมคืนชีพ“บัตรใบเดียว” จับตา“ทางตัน”สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ 26-27 ก.ค. รัฐสภาถกต่ออีก 10 มาตรา กฎหมายลูกเลือกตั้ง
การออกมาแอ็คชั่นฟันธงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 500 ไม่เอื้อต่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคพปชร. ถูกตั้งข้อสังเกตว่า มีไฟเขียวจาก “3 ป.” หรือไม่
โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ที่คอย"บัญชาเกม" อยู่เบื้องหลัง จัดแจงให้หัวหน้าพรรคการเมือง “ขั้วรัฐบาล” กำชับลูกพรรค โหวตเลือกสูตรหาร 500 หัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพปชร. ซึ่งยืนกรานขอเลือกสูตรหาร 100
ทว่า ในเนื้อแท้แล้ว “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่เคยเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ตั้งไข่ เริ่มกระบวนการ เช่นเดียวกับ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แห่งกลุ่มสามมิตร เจ้าของวลี “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ (ปี 2560) ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ปิดปาก เก็บตัวอยู่ในเซฟโซนของตัวเอง
ในวงลับ นายกฯประยุทธ์ มักจะแสดงเจตนารมณ์กับคนใกล้ตัวว่า กำลังหาหนทางกลับไปใช้ “บัตรใบเดียว” ดังนั้นเมื่อการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในมาตรา 23 การคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภาโหวตใช้สูตรหาร 500 ซึ่งอาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข
ฟันธงตรงกันว่า จะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวอย่างแน่นอน ซึ่งเท่ากับว่าหมากเกมนี้มี “มือมืด” วางเกม-วางยา คิดคำนวณเวลา และวางกลยุทธเตรียมเอาไว้แล้ว โดยคาดการณ์ว่า หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการจัดทำกฎหมายลูกติด “เดดล็อก” กลุ่มที่อยากได้ “บัตรใบเดียว” ย่อมสมประโยชน์มากที่สุด
ล่าสุด เริ่มมีข่าวกระเส็นกระสายจาก “ขั้วรัฐบาล” ออกมาว่า จะมีการเคลื่อนเกมนำไปสู่ “บัตรใบเดียว” ด้วยการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว และใช้สูตรการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ตามที่รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดเอาไว้เหมือนเดิม
แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะไม่ทันกับเทอมสภาฯ ที่เหลืออยู่ แต่หากถูกเสนอเป็นวาระเร่งด่วน การพิจารณาอาจจะติดสปีดเร็วขึ้นได้ โดยสมัยประชุมปัจจุบัน ( 22 พ.ค. - 18 ก.ย.2565) สมัยประจำปี ครั้งที่สอง พ.ย.2565 ถึง ก.พ.2566 และอาจจะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญขึ้น เพื่อพิจารณาวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ
เมื่อไล่ไทม์ไลน์ จะเห็นขั้นตอนได้ดังนี้ ขั้นตอนแรก เสนอญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนเข้าสู่การตรวจสอบญัตติโดย ส.ส. ประมาณ 1 สัปดาห์ หากเป็นร่างประชาชนจะใช้เวลาตรวจสอบความถูกต้อง 3 เดือน
จากนั้นบรรจุวาระนัดประชุมล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้เร็วที่สุด โดยใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน ซึ่งวาระปกติต้องรอ 1 สัปดาห์ ก่อนพิจารณาลงมติ “รับหลักการวาระแรก” ซึ่งมีเงื่อนไข ส.ว.ต้องเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 84 เสียง
ต่อมาเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาเนื้อหา ซึ่งสามารถเร่งรัดดำเนินการ เร็วที่สุด 3-4 สัปดาห์ โดยเสนอพิจารณ "วาระสอง" ซึ่งเนื้อหาไม่มาก เพียง 1-2 วันแล้วเสร็จ
รอไว้ 15 วัน ก่อนจะมาโหวต “วาระสาม” หากไม่มีการเสนอแปรญัตติจะสามารถร่นระยะเวลาลงมาได้อีก โดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ส.ส.ฝ่ายค้าน ต้องเห็นชอบด้วย 20% ซึ่งก็ไม่ยาก หากใช้เสียง ส.ส.งูเห่า ที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จำนวนหนึ่งที่พอจะโหวตให้เข้าหลักเกณฑ์ตรงนี้ได้ รวมกับ ส.ว. 84 เสียง
จากนั้นรอไว้ 15 วัน ก่อนส่งให้นายกรัฐมนตรีนำความขึ้นทูลเกล้าฯ ระหว่างนี้ ส.ส. และส.ว.สามารถเข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ซึ่งมีกำหนดที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาให้เสร็จ 30 วัน ขั้นตอนนี้จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับศาล
ดังนั้น รวมทุกขั้นตอนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบเร่งรัด จะใช้เวลาประมาณ 120 วัน หรือ 4 เดือน แต่หาก่ไม่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนเท่านั้น
อีกทั้ง “ขั้วรัฐบาล” ที่กุมเสียงข้างมาก มีโอกาสที่จะขอเปิดการประชุมสมัยวิสามัญขึ้นมาพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อีกด้วย
ดังนั้นหาก พล.อ.ประยุทธ์-พรรคร่วมรัฐบาล จะหวนกลับไปใช้ “บัตรใบเดียว”เพื่อกุมความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ยังมีเวลามากพอที่จะสามารถดำเนินการได้
จากนี้ จึงต้องจับตาว่า ปฏิบัติการล้มบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด และจะใช้กลยุทธ์ใดสร้างความได้เปรียบให้พวกพ้องมากที่สุด