“ก้าวไกล NEXT” แคมเปญรับ “เลือกตั้ง” หวัง กวาด 100 ส.ส.เขต ปูทางเป็นรัฐบาล
“พิธา” นำทัพ เปิดแคมเปญ “ก้าวไกล NEXT” ยุทธศาสตร์เลือกตั้งครั้งต่อไป เปิดพื้นที่ ปชช. ระดมความคิด กำหนดทิศทางพรรค ต้องทำงานหนักขึ้น ปักธง กวาด ส.ส. เข้าสภาให้มากที่สุด จ่อปฏิรูปพรรค 7 ด้าน ก่อนเปิดแคมเปญใหญ่ 9 เดือน9 ตั้งเป้าเป็นรัฐบาลให้ได้ หวัง 100. ส.ส.เขต
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงแคมเปญ “ก้าวไกล NEXT” เพื่อพูดคุยถึงอนาคตของพรรค ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งต่อไป
นายพิธา กล่าวว่า ก้าวไกล NEXT เป็นการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนร่วมระดมความคิดกำหนดทิศทางของพรรคในอนาคต และเป็นการตามหาอนาคตใหม่ให้กับพรรคก้าวไกล ทั้งมิติมุ่งไปสู่อนาคตและมิติมุ่งไปสู่อดีต ซึ่งพรรคต้องทำงานให้หนักมากขึ้นในการรับฟังความเห็น
นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลต้องการก้าวต่อไปก้าวไกลกว่าเดิม และให้มี ส.ส.เข้าสู่สภาฯให้มากที่สุด โดยก้าวไกล next คือการปฏิรูปพรรคทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ กระบวนการคัดเลือกว่าที่ผู้สมัครฯ การสื่อสารของพรรค การนำเสนอนโยบาย การทำงานในสภาฯ การทำงานพื้นที่ งานอาสาสมัคร และการระดมทุน โดยพรรคจะจัดกิจกรรมรับฟังความเห็นทั่วประเทศและทางออนไลน์ เริ่มตั้งแต่วันนี้ ในการลงพื้นที่ทั่วทุกภาคในประเทศไทย และที่ กทม. ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ และหลังจากนั้น จะรวบรวมทุกข้อคิดเห็น เปิดแคมเปญใหญ่ของพรรคในวันที่ 9 เดือน 9 ต่อไป
ขณะที่เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของพรรค มี 3 ประการ คือ ตั้งเป้าเพื่อเป็นรัฐบาลให้ได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยบอบช้ำมามาก และต้องเข้าไปแทนที่ของรัฐบาลชุดนี้ให้ได้เพื่อให้ประเทศมีอนาคต พรรคต้องขยาย ส.ส.เขตให้ได้มากที่สุด และมี ส.ส.เขตในทุกภูมิภาคเพราะการ มีส.ส.เขต จะทำให้พรรคมีความแข็งแรง โดยมีการตั้งเป้ามี 100 เขต ที่คาดว่าจะสามารถช่วงชิงพื้นที่ได้ และทุกคะแนนเสียงที่ได้รับ จะรักษาความหวัง ความเชื่อมั่นว่าประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศให้ก้าวหน้าได้ โดยผ่านระบบรัฐสภา ดังนั้น เพื่อเดินสู่เป้าหมายนี้คือ ต้องเตรียมว่าที่ผู้สมัครให้ดีที่สุดพร้อมกับสร้างรากฐานพรรคให้เข้มแข็ง หลังจากถูกทำลายเมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น มั่นใจว่า ว่าที่ผู้สมัครของพรรคจะดีกว่าเดิม โดยว่าที่ผู้สมัครจะเป็นหน้าใหม่ เกือบทั้งหมด ทุกคนเข้าใจวิถีการทำงานของพรรคเป็นอย่างดี โดยในหลายพื้นที่ได้เริ่มทำงานแล้ว ขณะที่การทำนโยบาย ต้องตอบโจทย์ระดับพื้นที่และระดับชาติ ประสานนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลง สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นเอกภาพ การปฎิรูปพรรคครั้งใหญ่ จะนำจุดแข็งในอดีตมาตอบโจทย์ประชาชน การปฎิรูปพรรคจะนำไปสู่การรีเฟรชภาพลักษณ์และการจดจำของประชาชน ให้มีความชัดเจนเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ ที่มองว่าพรรคก้าวไกลเก่งแต่พูดแต่หากเป็นรัฐบาลอาจจะบริหารจริงไม่ได้นั้น นายพิธา ระบุว่า เรื่องนี้ต้องแสดงให้เห็นผ่านการทำงาน โดยต้องเข้าใจสิ่งที่จะสามารถสื่อสารออกมาได้ว่า ปัญหาคืออะไร วิธีการแก้ปัญหา คืออะไร รวมถึงมีแผนสำรองอย่างไรนั้น ไม่ได้มาจากการไม่รู้ คนที่สามารถสื่อสารออกมาได้ คือคนที่บริหารเป็นจริงๆ จึงไม่ใช่การพูดเก่งแต่บริหารไม่ได้ ขณะเดียวกันต้องทำงานอย่างตั้งใจ โดยไม่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
ส่วนที่ขณะนี้มีพรรคการเมืองใหม่เปิดตัวหลายพรรค นายพิธา มองว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถือเป็นรูปแบบทางการเมือง ที่ต้องหารอยต่อของแต่ละกลุ่มการเมือง ซึ่งพรรคควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่สามารถควบคุมการทำงานภายในของพรรคได้ โดยยืนยันว่า พรรคคือ ตัวเลือกแห่งความหวัง
ส่วนเลขาธิการพรรค กล่าวว่า ในการตั้งเป้าเป็นรัฐบาล พรรคยังเดินหน้าแนวทางเดิม ไม่เน้นหาคนในตระกูลใหญ่ หรือบ้านเดิม แต่จะสรรหาบุคคลธรรมดา ที่มีความโดดเด่น เข้าหาประชาชนให้มากที่สุด มั่นใจพรรคจะเติบโตขึ้นกว่าที่ผ่านมาแน่นอน ยืนยันพรรคไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งทางความคิด