"ชนินทร์" ปิ๊งไอเดีย ไถ่ของคืนชาวบ้านฟรี เห็นใจเจอพิษโควิดทำเศรษฐกิจฝืด

"ชนินทร์" ปิ๊งไอเดีย ไถ่ของคืนชาวบ้านฟรี เห็นใจเจอพิษโควิดทำเศรษฐกิจฝืด

"ชนินทร์" พร้อม"องอาจ-รัชดา" เปิดโครงการ “ไถ่เติมสุข”  ปิ๊งไอเดีย ไถ่ของคืนชาวบ้านฟรี เห็นใจเจอพิษโควิดทำเศรษฐกิจฝืด

 นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีตส.ส.กรุงเทพมหานคร(กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอาสากลุ่มก้าวด้วยใจไปด้วยกัน ในมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เปิดโครงการโรงไถ่จำนำ “ไถ่เติมสุข”  ที่ศูนย์ประสานงาน อดีต ส.ส.ชนินทร์ รุ่งแสง ปลายถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย

ทั้งนี้ มีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล และอดีตส.ส.กทม. ร่วมเปิดโรงไถ่จำนำด้วย

นายชนินทร์ กล่าวว่า จากภาวะปัญหายุคเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบในการดำเนินชีวิตทั้งระบบ ทั้งชีวิตส่วนตัว ครอบครัวและการทำงาน หลายคนขาดเงินจึงจำเป็นต้องต้องนำสิ่งของที่มีค่าทั้งที่เป็นของสำคัญและมีความหมายในชีวิตครอบครัว โดยเฉพาะบางคนต้องนำอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับประกอบอาชีพไปจำนำ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและทำมาหากินได้ ด้วยเหตุนี้รู้สึกเห็นใจและเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้ผู้เดือดร้อนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ตนจึงได้ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชนจัดทำโครงการนี้ขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนก.ย. 65

โดยใช้ศูนย์ประสานฯเป็นที่ตั้งของโรงไถ่จำนำ สิ่งของสำคัญในชีวิตครอบครัวและการประกอบอาชีพฟรี เบื้องต้นได้ไถ่สิ่งของจำเป็นให้แก่ประชาชนแล้ว จำนวน 13 ชิ้น อาทิ ขิม หม้อหุงข้าว จักรเย็บผ้า สว่างไฟฟ้าและลูกหมู เป็นต้น

 นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนหลักเกณฑ์ คือจะต้องเป็นของสำคัญในชีวิตครอบครัว และการประกอบอาชีพ มีมูลค่า 1,000 บาทโดยประมาณ เป็นของที่ใกล้จะหลุดจำนำ หรือขาดส่งดอกเบี้ยกับโรงจำนำแล้วประมาณ 5 เดือน ผู้สนใจติดต่อได้ที่ศูนย์ฯ หรือ โทร 08-6751-5955 หรือ 09-0326-3299 ไลน์แอด “@bang_chanin” หรือเฟซบุ๊ก “ชนินทร์ รุ่งแสง ปชป.

 ด้านนางสมบุญ แกะปิ่น แม่ค้าในตลาดน้ำตลิ่งชัน หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ขิมได้รับการไถ่คืน เพราะเครื่องดนตรีชิ้นนี้มีความสำคัญผูกพันธ์ตั้งแต่เด็ก เป็นของเก่าแก่ของครอบครัว ทั้งยังใช้สอนลูกเล่นดนตรีไทย แต่เมื่อช่วงวิกฤตโควิดระบาด ขายของไม่ได้จนมีปัญหาเรื่องการเงิน จึงมีความจำเป็นต้องนำขิมไปจำนำได้เงินมา 1,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว