“ชัชชาติ” โชว์วิชั่นผู้นำต้องมี 3 ด้าน ลั่น กทม.เอาจริงปราบโกง ห้ามอ้าง “นาย”
“ชัชชาติ” ร่วมบรรยายกิจกรรม ACT “ผู้นำกับการปราบโกง” ลั่นถ้ามาด้วยความโปร่งใส ไม่ต้องเกรงใจใคร เกรงใจแค่ประชาชนเท่านั้น แนะผู้นำต้องเอาจริง 3 ด้าน ลั่น กทม.เอาจริงเรื่องปราบคอร์รัปชัน ไม่มีอ้างเรื่องนาย
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2565 ที่สถานีกลางบางซื่อ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT จัดงาน วันต่อต้านคอร์รัปชัน 2565 “ผู้นำ...กับการปราบโกง” โดยมี นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวในช่วงเสวนาเจาะประเด็นวิสัยทัศน์ การต่อต้านคอร์รัปชัน “ผู้นำ...กับการปราบโกง!” ตอนหนึ่ง ระบุว่า หลาย ๆ ครั้ง ปัญหาการทุจริตเกิดจากแผลเล็ก ๆ แล้วกลายเป็นบาดทะยัก แค่นโยบายไม่รับของขวัญก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเรารับของขวัญจนเราเคยชิน แค่นี้ก็จะกลายเป็นบาดทะยัก ถ้าเราเคยชินกับการให้ ผู้ค้าก็ต้องเอาของดี ๆ มาให้ สุดท้ายก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นหลายๆ อย่างเราต้องเลิกให้เป็นวัฒนธรรม จริง ๆ การออกกฎระเบียบเพื่อแก้ไขการคอร์รัปชันก็ไม่ได้ง่าย แต่ถ้าสร้างจิตสำนึกได้ง่ายกว่าเยอะ
ผู้ว่าฯ กทม. ระบุอีกว่า สำหรับผู้นำต้องเอาจริงเอาจัง 3 ด้าน เรื่องแรก 1.ผู้นำ 2.เครือข่าย 3.เทคโนโลยี ผู้นำสำคัญอย่างไร ผู้นำคือต้นตอของการต่อต้านคอร์รัปชัน อย่างเช่น กทม. มันง่ายมากเพียงแค่บอกว่าต้องส่งนาย ต้องส่งนาย นี่คือสิ่งที่คนพูดกันมาก ผู้นำต้องประกาศเลยว่า กทม. เอาจริงเอาจังเรื่องคอร์รัปชัน ไม่มีการส่งเป็นลำดับชั้น ต้องยกเลิกทั้งหมด ไม่มีการอ้างเรื่องนาย
นายชัชชาติ ระบุว่า ในขณะที่ผู้นำ มีอยู่ 3 แบบ
1.ผู้นำระดับ ศูนย์ คือผู้นำที่โกงกิน ร่วมขบวนการ ผู้นำเหล่านี้จะเริ่มตั้งแต่การซื้อตำแหน่ง เพราะต้องเอาคนที่ร่วมขบวนการมารับตำแหน่ง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าระบบขององค์กรจะเสียหาย เพราะฉะนั้น ผู้นำระดับ ศูนย์ ต้องไม่มี
2.ผู้นำระดับ หนึ่ง คือ ดีขึ้นมานิดนึง ตัวเองไม่โกง แต่ปล่อยให้คนอื่นหรือลูกน้องโกง แบบนี้ก็ไม่ได้
3.ผู้นำระดับ 2 ต้องเอาจริงเอาจังและประกาศเป็นนโยบาย ดังนั้นผู้นำนั่นสำคัญ หากหัวไม่กระดิกที่เหลือจะดีขึ้นเยอะ
นายชัชชาติ ระบุด้วยว่า เรื่องที่ 2 การหาภาคีเครือข่าย คอร์รัปชั่นมาจากหลายมิติ เชื่อว่ามีเกลียว 4 เกลียวประสานกันเพื่อให้การต่อต้านเข้มแข็งขึ้น นั่นคือ ภาครัฐต้องเข้มแข็ง ภาคเอกชนมีส่วนอย่างมาก ภาคประชาชนมีส่วนร่วม และภาควิชาการ และเรื่องที่ 3 ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไป ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาจับ จะทำให้มี Empower จากคน มีข้อมูลที่โปร่งใส การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็นรูปธรรมขึ้น
“ถ้าเราไม่กังวลเรื่องผลประโยชน์ เราไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใคร ผู้มีอิทธิพลก็ไม่มีความหมาย แต่ขอให้มีหลักการที่ยุติธรรม ชี้แจงได้ และเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ดังนั้นถ้าเราเริ่มด้วยความยุติธรรม เราเริ่มจากการเลือกตั้งที่ไม่ต้องรับเงินใครมา เราไม่ต้องซื้อเสียง เรามาด้วยเสียงประชาชนจริง ๆ เราไม่ต้องกลัวผู้มีอิทธิพล เพราะเราไม่ได้อาศัยเค้ามา เราอาศัยเสียงประชาชนมา ดังนั้นถ้าเราโปร่งใสตั้งแต่การเลือกตั้ง การเข้าสู่กระบวนการ สุดท้ายเราก็เอาประชาชนเป็นหลัก เราไม่ต้องกังวลเพราะเรามาด้วยกระบวนการที่โปร่งใส แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปรับผลประโยชน์จากเค้า เราจะตกเป็นทาสเค้าไปตลอด ดังนั้นเราต้องเริ่มด้วยความสะอาด บริสุทธิ์ มาด้วยความโปร่งใส สุดท้ายไม่ต้องเกรงใจใคร เกรงใจประชาชนเท่านั้น” นายชัชชาติ กล่าว