เจอกันทำเนียบ! “พิธา” พร้อมเป็นนายกฯ กา “ก้าวไกล” รื้อโครงสร้างไทยทั้งระบบ
เจอกันที่ทำเนียบ! “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ลั่นพร้อมเป็นนายกฯเพื่อทุกคน รับ “ก้าวไกล” เป็นพรรคซ้ายกลาง เลือกตั้งครั้งหน้า แม้ไม่มี “ธนาธร-ปิยบุตร” แต่มาไกลเกินกว่าจะแพ้ ยันไม่ใช่ทำนโยบายปะผุไปวัน ๆ เปลี่ยนรัฐบาล-นายกฯไม่พอ ต้องรื้อโครงสร้างทั้งองคาพยพ
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2565 ที่อาคารอนาคตใหม่ หัวหมาก ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งใน กิจกรรม “ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า” ว่า ในโอกาสวันนี้เป็นวันเปิดแคมเปญเลือกตั้งใหญ่ของพรรคก้าวไกล การทำงานไม่ใช่ในระยะสั้น ไม่ใช่ทำนโยบายวัน ๆ ขอไปที ไม่ใช่นโยบายปะผุ แต่เข้ามาทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้นสำหรับทุก ๆ คน ทำงานการเมืองแบบโครงสร้างเปลี่ยนประเทศรัฐราชการรวมศูนย์ เพื่อกระจายอำนาจ ทลายทุนผูกขาด เสนอกฎหมายที่ก้าวหน้าให้ประชาชนเสมอหน้ากันต่อหน้ากฎหมาย ให้คนไทยเท่าเทียมกัน ให้คนไทยเท่าทันโลก นี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลเราเชื่อ
นายพิธา กล่าวอีกว่า ทำยังไงให้มีการเลือกพรรคก้าวไกลบริหาร หน้าตาประเทศจะเปลี่ยนไปอย่างไร ยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งใจอธิบายสถานะของประเทศผ่าน น้ำ 1 ขวด ทุกท่านเชื่อหรือไม่ น้ำ 1 ขวดบอกได้ทั้งอดีตและอนาคตของประเทศ บอกได้ทั้งความท้าทายและโอกาสของประเทศ บอกได้ทั้งท้องถิ่นถึงระดับโลก ต้นทุนชีวิตคนถึงต้นทุนธุรกิจ บอกได้ขีดความสามารถแข่งขันว่าจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพราะน้ำได้ยังชีพ เลี้ยงชีพ และสร้างอาชีพไปทีเดียวกัน
นายพิธา ยกตัวตัวอย่างสิ่งใกล้ตัวคือ น้ำเพื่อการยังชีพ ทุกคนทราบดีว่าน้ำเป็นสาธารณูปโภค เราต้องอุปโภค บริโภคทุกวัน และต้องเป็นอย่างสาธารณะ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องบริการประชาชน สิ่งที่สำคัญกับชีวิตของประชาชน ในประเทศพัฒนาแล้ว การพูดถึงน้ำประปาขวดหนึ่ง ความล้มเหลวในการบริหารจัดการขั้นพื้นฐานสุดคือภาระของประชาชน ฟังดูแล้วอาจเล็กน้อย แต่รวมขึ้นก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ จำได้ว่าตอนเป็นอดีตอนาคตใหม่ ตนอภิปรายเรื่องน้ำ ทุกคนรู้หรือไม่ว่าต้นทุนน้ำประปา กับน้ำดื่มขวดต่างกัน 1,000 เท่า สิ่งเล็กน้อยที่ประชาชนทั่วประเทศต้องใช้ ตลาดมูลค่าน้ำดื่มปีหนึ่งกว่า 5 หมื่นล้านบาท พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ 8 ปีเท่ากับ 4 แสนล้านบาท นี่คือภาระคนทั่วไปต้องจ่าย ถ้ารัฐบาลไม่มีวิสัยทัศน์จะผลักภาระให้ประชาชน นี่ยังไม่รวมถังพักน้ำ
“ทุกคนรู้หรือไม่ทำไมน้ำประปาดื่มไม่ได้ เพราะมันอยู่ที่การควบคุมแรงดันน้ำ แต่ดันไม่มีกฎหมายควบคุมแรงดันน้ำในไทย ไม่แปลกที่เพื่อนของเราในคณะก้าวหน้า คุณธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า) คุณปิยบุตร (แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า) สิ่งแรกที่ทำคือน้ำประปาดื่มได้ เพราะเป็นสิ่งพื้นฐานสาธารณูปโภค ในต่างประเทศที่ทำน้ำประปาดื่มได้ คือมีการควบคุมแรงดันน้ำ ทำให้แบคทีเรียอยู่ไม่ได้” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวอีกว่า ตลกร้ายขึ้นไปอีก พอตนเข้ามาเป็น ส.ส. เป็นประธาน กมธ.ที่ดินฯ ได้ถามว่า ทำไมประเทศไทยถึงควบคุมเรื่องพื้นฐานไม่ได้ ควบคุมแรงดันน้ำแค่นี้ทำไม่ได้ เขาตอบว่า เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาแบบไทย ๆ ที่บอกว่า KPI ที่รัฐบาลตั้งมาคือห้ามรั่ว 30% ถึงบ้านประชาชน 70% เลยแก้ปัญหาไทย ๆ เลยควบคุมแรงดันน้ำให้ต่ำ ๆ เลยจะได้ไม่รั่ว นี่อาจเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่ลองคิดดูดี ๆ ปัญหาการศึกษา ขยะ สิ่งแวดล้อม หรือเกี่ยวกับเศรษฐกิจ นี่คือวิธีแก้ปัญหาแบบรัฐไทย ไม่ว่าเรื่องพื้นฐานแค่ไหน กลับแก้ปัญหาแบบศรีธนญชัย นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจ หลังอยู่ในการเมืองมาราว 20 ปี
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า น้ำขวดหนึ่ง เป็นน้ำที่สร้างอาชีพต่อ ไม่ใช่แค่กดดัน ไม่ใช่แค่กดทับสิทธิพื้นฐานของประชาชนในประเทศ ในการมีน้ำสะอาดดื่ม แต่ทำลายศักยภาพอนาคตประเทศไทยด้วย มีวันหนึ่งมีโอกาสพบทูตไต้หวันประจำประเทศไทย และผู้ว่าการรัฐปีนัง อินโดนีเซีย เขาบอกตนว่า ตอนนี้ภูมิรัฐศาสตร์โลกกำลังรุนแรง ไต้หวันบริษัทชิปสำคัญมาก ต้องการกระจายออก แต่ไม่รู้ไปไหน ตนบอกว่าทำไมไม่มาไทย มีอุตสาหกรรมเยอะพอสมควร แต่อุตสาหกรรมที่อยู่เยอะในไทยคืออุตสาหกรรมยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ตนบอกว่าหากสนใจมาลงทุน ถ้าเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่จะสนับสนุนเต็มที่ เพื่อลูกหลานของเรา เขาตอบกลับมาว่า ประเทศไทยไม่มีน้ำสะอาด
“ในขณะเดียวกันเจอผู้ว่าฯปีนัง ที่เป็นเป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายกลางแบบเรา บอกว่า ตอนนี้ปีนังรุ่งเรืองสุดด้วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ บริหารจัดการน้ำได้ดี สิ่งที่อยากพูดคือ เราอยู่กับระบบเผด็จการมา 8 ปี เราตกขบวนขนาดไหน เราตกขบวนการสร้างโอกาสให้ประชาชน ให้ประเทศ ทั้งจุลภาค ไประดับมหภาค พูดให้เห็นภาพ” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
นายพิธา กล่าวอีกว่า ช่วงหน้าฝน พี่น้องเกษตรกร ไม่ว่าภาคเหนือ หรืออีสาน ใต้ ตะวันออก ทุกคนพูดเหมือนกัน หน้าแล้งขนน้ำไปหาคน หน้าฝนขนคนหนีน้ำ ปี ๆ หนึ่งเราใช้งบประมาณในการดูแลเรื่องแล้งซ้ำซาก ท่วมซ้ำซาก แสนกว่าล้านบาทต่อปี พล.อ.ประยุทธ์ใช้ไปแล้วเกือบล้านล้านบาท มันไม่ได้คิดกันเป็นระบบว่า ก่อนท่วมต้องทำอย่างไร ระหว่างท่วมต้องทำอย่างไร หลังท่วมต้องทำอย่างไร พยากรณ์อากาศ ระบบแจ้งเตือน ระบบอพยพคน การเยียวยาต้องทำอย่างไร ไทยไม่เคยมีพรรคการเมือง นักการเมืองคิดเป็นระบบแบบนี้ แต่นี่คือการมองปัญหาของพรรคก้าวไกล
“เคยคุยกับเพื่อนของผมว่า เลือกตั้งครั้งหน้า เปลี่ยนรัฐบาลให้ไม่เป็นเผด็จการ มันไม่พอ พูดถึงเรื่องพื้นฐานสุด เรื่องซับซ้อนสูงสุด ของอนาคตที่สุด ต้องเปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนแค่รัฐบาลอย่างเดียวไม่พอ เปลี่ยนนายกฯไม่พอ เปลี่ยนสมบัติผลัดกันชม เก้าอี้ดนตรีไม่พอ ต้องเปลี่ยนทั้งระบบ เปลี่ยนทั้งองคาพยพ ไม่อาจใช้นโยบายปะผุ แก้วันต่อวันได้ ต้องรื้อโครงสร้าง ทำให้โครงสร้างไทยไปได้ รัฐราชการไปได้ โครงสร้างงบประมาณไปได้ ถ้าทำให้ประเทศก้าวไกล ประเทศไทยก้าวหน้า ต้องพรรคก้าวไกลเท่านั้น ต้องทำแบบที่เราเคยทำมา” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวด้วยว่า สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า แน่นอนว่าอดีตอนาคตใหม่ถูกยุบไป พวกเราแยกเป็น 2 ทาง นายธนาธร และนายปิยบุตร ทำงานเกี่ยวกับท้องถิ่น แสดงให้เห็นว่าเมื่อเขาแก้ไขปัญหา ทำให้ท้องถิ่นที่เขาชนะ มีระบบน้ำประปาที่ทันสมัยที่สุดในไทย จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่แค่ลดภาระประชาชน แต่เรื่องการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ การสร้าง IOT การสร้างสมาร์ทซีสเต็ม ฯลฯ ทั้งหมดทั้งปวงคือการสร้างขีดความสามารถให้ประเทศ สร้างงานใหม่ ๆ ให้กับประเทศ เอาปัญหาเป็นตัวตั้ง สร้างดีมานด์ใหม่ ๆ ให้ประเทศ
“แน่นอนว่าตอนนี้ เราจะเข้าสู่ศึกเลือกตั้งโดยไม่มีพวกเขา ไม่มีธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่มีปิยบุตร แสงกนกกุล แต่เราพิสูจน์แล้วว่า ก้าวไกลสามารถสร้างอนาคตใหม่ได้ เหมือนที่สื่อบอก คบเพลิงอยู่ในมือของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดังนั้นเรามาไกลเกินกว่าจะแพ้ ผมไม่ได้มาเล่น ๆ เพื่อที่จะแพ้ด้วย ผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน ไม่ว่าจะรวยดีมีจน อายุมากน้อย ไม่ว่าจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ผมพร้อมเป็นนายกฯที่ทันสมัย ทำให้คนไทยเท่าเทียมกัน ให้กับประเทศก้าวหน้าไปในอนาคต แล้วเจอกันที่ทำเนียบรัฐบาล” นายพิธา กล่าว