“ชัยธวัช” ปลุก ปชช.อย่าสิ้นหวัง ร่วมกันสถาปนา รธน.ใหม่ ไม่มีใครเหนือกฎหมาย
“ชัยธวัช” ชำแหะ 8 ปี “ระบอบประยุทธ์” พังทั้งการเมือง-เศรษฐกิจ เอื้อทุนผูกขาด ปลุกประชาชนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ลั่นปักธงความก้าวหน้าไว้แล้ว อ้อนขอคนละเสียง สถาปนารัฐธรรมนูญใหม่ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย กองทัพอยู่ภายใต้พลเรือน ไม่มีใครต้องติดคุก-ลี้ภัยแค่ฝันถึงอนาคต
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2565 ที่อาคารอนาคตใหม่ หัวหมาก กทม. พรรคก้าวไกลจัดงาน “ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า” โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงวิสัยทัศน์ และแนวคิดในการจัดทำนโยบายของพรรคผ่านวีดิทัศน์ และมีบรรดาแกนนำของพรรคมาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง เช่น นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล และบรรดา ส.ส. รวมถึงสมาชิกพรรคเข้าร่วมงานด้วย
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวตอนหนึ่งว่า 8 ปีภายใต้ระบอบประยุทธ์ ประเทศของเราถอยหลังจนไปสู่ปากเหวในทุกด้าน การเมืองตกต่ำ ประชาชนตกยาก เศรษฐกิจตกขบวน หลังการรัฐประหารพวกเขาเคยบอกพวกเราว่า จะขอเวลาอีกไม่นาน จะเข้ามายุติความขัดแย้งในสังคม จะเข้ามาปราบนักการเมืองโกง จะขอปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริง พวกเขากลับเข้ามาสร้างระบอบการเมือง เพื่อสืบทอดอำนาจ สถาปนาอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ให้อยู่เหนืออำนาจของประชาชน เอื้อประโยชน์ให้ทุนผูกขาดกินรวบประเทศ ปล่อยให้ประชาชนต้องคอยร้องขอ รอคอยเศษเงินจากพวกเขา ความขัดแย้งในสังคมนอกจากจะไม่ยุติลง กลับยิ่งร้าวลึกรุนแรง กลไกองค์กรอิสระที่ควรจะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจ กลับกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่คอยปกป้องความฉ้อฉลของพวกพ้องตนเอง หรือไม่ก็กลายเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างศัตรูทางการเมือง การเมืองในระบบรัฐสภาถอยหลังเข้าคลอง นักการเมืองทรยศเสียงของประชาชน เพราะอำนาจรัฐและอำนาจเงินอย่างโจ่งแจ้ง ระบบราชการเต็มไปด้วยเส้นสาย ใครอยากได้ดิบได้ดี ต้องมีตั๋ว ตั้งแต่ตั๋วเด็ก ยันไปถึงตั๋วช้าง ระบบราชการจึงกลายเป็นระบบที่คอยรับใช้เจ้านาย ไม่ใช่รับใช้ประชาชน
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า 8 ปีมานี้ กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมเสื่อมลงทุกวัน พวกเขาใช้คุก ศาล ทหาร ตำรวจ ทุบทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน คนหนุ่มสาวและประชาชนนับร้อยนับพันถูกจับกุมคุมขัง ด้วยข้อหาร้ายแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภายใต้ระบอบประยุทธ์ โรงเรียนของลูกหลานของเรา ยิ่งกลายเป็นโรงงานล้างสมอง เพื่อทำให้ประชาชนโง่ และเชื่อง เรียนจบไม่มีงานทำ ยิ่งเรียนยิ่งล้าหลัง ตามไม่ทันโลกยุคใหม่ ภายใต้ระบอบประยุทธ์ เรามีนายทุนผูกขาดที่สามารถรวยเป็นแสนล้านบาท ติดระดับโลกได้ภายในไม่กี่ปี เพราะการสนับสนุนของรัฐ แต่รัฐกลับปล่อยให้ผู้ประกอบการ รายเล็กรายน้อย ต้องล้มหายตายจากไปราวใบไม้ร่วง ประชาชนส่วนใหญ่ต้องจมปลักอยู่กับกองหนี้ ค่าแรงรายได้สูงขึ้นไม่ทันรายจ่าย โลกของคนรวยกับโลกของคนจนถอยห่างออกจากกันมากขึ้นทุกวัน เครื่องจักรทางเศรษฐกิจมีแต่อ่อนกำลังลง ก้าวไม่ทันโลกยุคใหม่
“8 ปีมานี้หลายคนจึงสิ้นหวัง มองไม่เห็นอนาคตของตนเอง มองไม่เห็นอนาคตของประเทศ แต่พี่น้องประชาชนที่รัก เราอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เพราะเราปล่อยให้ประเทศที่เรารัก ถอยหลังไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว และความเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นได้ ถ้าพวกเราช่วยกันเพิ่มความเปลี่ยนแปลงให้มากขึ้น คนละไม้ละมือ” เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า ความเปลี่ยนแปลง ความก้าวหน้าได้เริ่มขึ้นแล้ว ประชาชนตื่นตัวครั้งใหญ่ เสียงเรียกร้องถึงอนาคตของประเทศที่ก้าวหน้า ดังขึ้นทุกหย่อมหญ้า การเมืองแบบใหม่ นักการเมืองแบบใหม่ ความคิดทางการเมืองแบบใหม่ กำลังเติบโตขึ้นในสังคมไทย สิ่งใหม่กำลังเข้ามาแทนที่สิ่งเก่า เราสามารถทำให้สภาผู้แทนราษฎรยกระดับการทำงานเพื่อประชาชนได้ เราสามารถทำให้สภาผู้แทนราษฎร ขยับเพดานเป็นพื้นที่ที่สะท้อนอำนาจสูงสุดของประชาชนได้ เราเริ่มผลักดันกฎราชการให้รับใช้ประชาชน ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุด จะสถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อแทนที่รัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหาร ต้องไม่มีใครอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ อยู่เหนือกฎหมายอีกต่อไป กองทัพต้องอยู่ภายใต้พลเรือน
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เราต้องปลดล็อกท้องถิ่นให้ได้ ยุติระบบราชการรวมศูนย์ เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของประเทศ และคืนอำนาจสูงสุดในการกำหนดอนาคตของตนเองให้กับประชาชนทั้งประเทศ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องเป็นการเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนให้ก้าวหน้า ทันโลกยุคใหม่ แบ่งปันดอกผลของความเจริญอย่างยุติธรรม การเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อเปลี่ยนการศึกษาทำให้เรามีความฝัน มีจินตนาการ เติบโตไปกับโลกสมัยใหม่ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเปลี่ยนระบบสวัสดิการให้ถ้วนหน้า พอกันทีกับระบบพิสูจน์ความจน เพื่อต่อคิวรอความเมตตาจากใคร การเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องเปลี่ยนประเทศ ไม่ให้มีใครต้องติดคุก หรือต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ เพียงเพราะพวกเขาฝันถึงอนาคตของพวกเราร่วมกัน
“การเลือกตั้งจะกลายเป็นความเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยพลังของพวกเราทุกคน เปลี่ยนได้ด้วยการเมืองที่เห็นหัวประชาชน เปลี่ยนได้ด้วยการเมืองที่มีความกล้าหาญ มีเจตจำนงแน่วแน่ เปลี่ยนได้ด้วยการเมืองที่ไม่นำพวกเรากลับไปสู่วังวนแบบเดิม ประเทศเราถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว มีแต่ต้องก้าวไกลให้ไทยก้าวหน้า 1 เสียงของทุกคน เป็น 1 เสียงเพิ่มความเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคต” นายชัยธวัช กล่าว