ศึกนอกศึกใน รุม “ภูมิใจไทย” สกัด นโยบายเสี่ยง โกยแต้ม
น่าสนใจว่า ภูมิใจไทยจะแก้เกมอย่างไร ในวันที่ต้องเจอศึกนอกศึกในจากทุกสารทิศรุมกินโต๊ะ ไม่ยอมให้เติบโต และมีอำนาจต่อรองมากไปกว่า
เมื่อถึงช่วงนับถอยหลังอายุรัฐบาล กับเวลาที่เหลือประมาณครึ่งปี ถือว่าเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเต็มตัว ท่ามกลางความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลที่ออกอาการง่อนแง่น คล้ายงานเลี้ยงใกล้จะเลิกราอย่างไรอย่างนั้น
ไม่เพียงแต่พรรคตั้งใหม่ หรือพรรคฝ่ายค้านเท่านั้นที่โหมโรงหาเสียงในเวลานี้ ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ขยับกันแบบเต็มตัว โดยเฉพาะภูมิใจไทย ที่เลือกเล่นกับเรื่องสภาพคล่องเพราะรู้ดีว่าเงินในกระเป๋าของคนไทยหดหายหลังเจอวิกฤติโควิด-19
เมื่อเห็นสภาพความเป็นจริงของเด็กที่จบการศึกษาใหม่แล้วต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจยุคข้าวยากหมากแพง งานหายาก การจะชำระเงินกู้กยศ. เลยกลายเป็นภาระหนักอึ้ง ภูมิใจไทยจึงสบช่องหยิบฉวยปัญหาเหล่านี้มาเป็นโอกาสทางการเมือง มีความพยายามผลักดันร่างพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา ด้วยการไม่เก็บดอกเบี้ยนั้นทำให้พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองต่างไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด
ไม่บ่อยครั้งที่แกนนำหลายคนของพลังประชารัฐ จะออกโรงฉะพรรคร่วมอย่างภูมิใจไทย กลางที่ประชุมครม. ที่ถูกมองว่ามุ่งแต่ผลทางการเมืองจนอาจจะกระทบกับหลักการและวินัยของคนไทย สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พลังประชารัฐ เปิดหัวเชือดเฉือนว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่รู้จะเอาอย่างไรกันแน่ เวลาเข้าสภาก็ยุ่งเหยิงไปหมด ถ้าไม่เก็บดอกเบี้ย แล้วกองทุนฯ จะบริหารจัดการอย่างไร ทุกคนจ้องแต่จะหาเสียง
แถมยังดักคอเรื่องฟรีโหวตด้วยว่า ไม่ได้ เพราะกระทบเสถียรภาพรัฐบาลจะเสียหายมาก เป็นกฎหมายสำคัญ และไม่ควรเสนอในสภาในช่วงนี้ มันจะเป็นการหาเสียง ถ้าจะทำให้เสนอเป็นพระราชกฤษฎีกาเลย มันอยู่ในช่วงสุดท้ายแล้ว ถ้าเสนอไปเกรงว่าจะไม่มีเอกภาพ จะเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ขณะที่สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ สำทับว่า ตัวเองเป็นประธานกมธ.ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ตอนแรกพรรคร่วมรัฐบาลให้ความร่วมมือกันดี แต่พอตอนปลายรัฐบาลกลับจ้องจะนำกฎหมายนี้ไปหาเสียง ถ้าปล่อยเข้าสภามันจะวุ่นวาย ดอกเบี้ยเป็นศูนย์ไม่ได้ จะทำให้คนไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีทุนไปหมุนต่อ ถ้าไม่มีวินัยปัญหาใหญ่จะเกิดในอนาคต
รวมถึงจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ให้ความเห็นว่า โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของฟรี ไม่ควรสร้างวัฒนธรรมเบี้ยวหนี้ให้ประชาชน มันจะเป็นจุดอ่อนของระบบเศรษฐกิจ คนไทยก็จะเอาง่ายเข้าว่า ไม่มีความรับผิดชอบ ลองดูจะเละเทะ และล้มละลายได้
เห็นปฏิกิริยาของพรรคร่วมที่มีต่อภูมิใจไทยแล้ว คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสไตล์การทำการเมืองของพรรคการเมืองนี้มักถูกวิพากย์วิจารณ์อยู่เสมอ เห็นได้ชัดจากเรื่องกัญชา ที่ปล่อยให้เข้าถึงได้อย่างเสรี ทั้งที่กฎหมายควบคุมยังไม่แล้วเสร็จ จนปัญหาตามมามากมาย เรื่องนี้ในพื้นที่ปลายด้ามขวานซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ต่างต่อต้านนโยบายดังกล่าวอย่างหนัก ดูได้จากการที่ส.ส.พรรคประชาชาติ ออกมาสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายโอกาส
รวมถึงนโยบายพักหนี้ในระบบ 3 ปี รายละ 1 ล้านบาท โดยไม่มีค่าปรับ ตามที่ภูมิใจไทยประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วนหากได้ร่วมรัฐบาลนั้น ก็สร้างเสียงวิจารณ์ตามาอย่างกว้างขวาง
ตรงนี้เองเป็นสัญญาณว่าการขับเคี่ยวแข่งขันในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าจะเต็มไปด้วยความดุเดือด เมื่อแทบทุกพรรคต่างงัดประชานิยม ลด แลก แจก แถม มาล่อตาล่อใจโหวตเตอร์กันถ้วนหน้า
หนึ่งในนั้นคือภูมิใจไทย ที่กำลังถูกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองเขม่นอย่างหนัก สเต็ปต่อไปจึงนับว่าท้าทาย เมื่อสไตล์การทำการเมืองที่สร้างโจทย์ไว้รอบทิศ ตั้งแต่อีสานที่เพื่อไทยหมายหัวเป็นคู่แค้น และภาคใต้ที่ต้องไปชิงพื้นที่กับประชาธิปัตย์
ล่าสุด ประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขทบทวนประกาศกระทรวงให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เนื่องจากร่างกฎหมายที่พิจารณามีความหละหลวม อีกทั้งส.ส.ภาคใต้ของพรรคกังวลถึงผลกระทบต่อเด็กและสังคม ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเกมเอาคืนภูมิใจไทยหรือไม่
จึงน่าสนใจว่า ภูมิใจไทยจะแก้เกมอย่างไร ในวันที่ต้องเจอศึกนอกศึกในจากทุกสารทิศรุมกินโต๊ะ ไม่ยอมให้เติบโต และมีอำนาจต่อรองมากไปกว่านี้