"ราเมศ" ย้ำถอน“กม.กัญชา”ไร้นัยเมือง เหน็บปชป.ไม่คิดเคลมนโยบายหาเสียง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณี ร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง ที่ได้มีการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า

ในส่วนของพรรคยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องการเมืองที่จะนำมาเป็นประเด็นต่อสู้ห่ำหั่นกัน และไม่มีเจตนาที่จะไปเตะตัดขาพรรคภูมิใจไทยแต่อย่างใด เป็นกระบวนการการทำหน้าที่ในระบบรัฐสภาที่พรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรย่อมมีสิทธิ์คิดทำตัดสินใจภายใต้ดุลพินิจที่เคลือบไว้ด้วยคำว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคม พรรคต้องรับฟังเสียงของประชาชนและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องซึ่งมีข้อมูลมาจากหลายส่วน

เช่น จากประชาชนที่สะท้อนมุมมองที่มีความห่วงใยต่อลูกหลานที่ยังเป็นเด็กและเยาวชน จากข้อมูลวงการแพทย์  รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งประเทศ ที่ได้แสดงความกังวลต่อ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ที่มองว่าอาจจะมีผลกระทบต่อสังคมโดยภาพรวมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน แต่อยากย้ำว่าในกระบวนการของสภาร่างนี่ยังไม่ตกไป เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการที่ควรต้องไปปรับแก้เพื่อให้ร่างออกมาเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด ก็มาพิจารณากันต่อ

นายราเมศ  กล่าวต่อว่า การให้นำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์นั้นเชื่อว่าทุกคนสนับสนุนอย่างเต็มที่แต่ถ้าหากเปิดช่องให้มีการเสพกัญชาที่ไม่ได้เป็นไปในทางการแพทย์ ผลกระทบย่อมตามมาอย่างแน่นอน

นี้คือประเด็นความห่วงใยในร่างกฎหมายที่ยังไม่ได้คลอบคลุมคุ้มครองสังคมอย่างรอบคอบรัดกุม

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ที่นายศุภชัย ใจสมุทร ได้กล่าวว่า คนชอบนโยบายของพรรคภูมิใจไทยทำให้พรรคอื่นตื่นตกใจนั้น นายศุภชัยต้องแยกให้ออก ระหว่างผลประโยชน์ต่อส่วนรวม กับผลประโยชน์ของพรรคการเมือง เชื่อว่าในทางการเมืองไม่มีพรรคไหนตกใจพรรคไหนแน่นอน ต่อสู้กันเต็มที่อยู่แล้ว

ขณะที่บางพรรคพยายามสวมรอย พยายามชูโครงการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา(กยศ)เสมือนว่าเป็นพรรคที่คิดและทำ ทั้งๆที่ความจริงโครงการนี้เกิดขึ้นสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา สร้างคนเก่ง คนดี มีคุณภาพ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อประเทศในวันข้างหน้าและก็ประสบความสำเร็จ ประชาชนยังจดจำได้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยตกใจที่พรรคอื่นกำลังมาสวมรอย

คำตอบประชาชนทราบดีส่วนที่นายศุภชัยพูดเรียกร้องเรื่องมารยาททางการเมือง เรื่องนี้ตอบได้สั้นๆว่า หลักคิดของนักการเมืองที่ดี ประโยชน์ของส่วนรวมอยู่เหนือมารยาทในทางการเมือง เป็นหลักคิดพื้นฐานในทางการเมือง