เตือนประชาชน หลีกเลี่ยงออกนอกอาคาร เหตุสารเคมีรั่วไหลในพื้นที่ จ.นครปฐม

เตือนประชาชน หลีกเลี่ยงออกนอกอาคาร เหตุสารเคมีรั่วไหลในพื้นที่ จ.นครปฐม

โฆษกรัฐบาลเตือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เหตุสารเคมีรั่วไหลในพื้นที่ จ.นครปฐม หลีกเลี่ยงออกนอกอาคาร ไม่ควรอยู่ในบริเวณที่โล่งแจ้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หากมีอาการผิดปกติทางร่างกายควรรีบพบแพทย์

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ความคืบหน้ากรณีเหตุสารเคมีรั่วไหล บริเวณพื้นที่ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อช่วงเช้า (22 ก.ย.65) ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีกลิ่นกระจายเป็นวงกว้างในพื้นที่และเขตรอยต่อกรุงเทพมหานคร จุดเกิดเหตุคือ บริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ถนนเพชรเกษม ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ประกอบกิจการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์และเส้นใยประดิษฐ์

ทั้งนี้ บริษัทสามารถควบคุมการรั่วไหลได้อย่างรวดเร็วภายใน 10 นาที โดยไม่ได้มีการรั่วไหลไปยังแหล่งน้ำสาธารณะ และไม่มีพนักงานของบริษัท หรือบุคคลอื่นใดในชุมชนโดยรอบได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งไม่มีความเสียหายใดๆ ต่ออุปกรณ์ภายในโรงงาน และการรั่วไหลดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงงาน โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบ และแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน 
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

นายอนุชาฯ กล่าวว่า หน่วยงานต่างๆ ภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่แล้ว ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตรวจสอบประเมินทิศทางการเคลื่อนตัวของสารเคมี กรมโรงงานอุตสาหกรรม นำรถโมบายวัดอากาศลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและแก้ปัญหา ด้านเทศบาลตำบลขุนแก้ว อ.นครชัยศรี ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชน

กรณีมีสารเคมีรั่วจากโรงงานในเขตเทศบาลตำบลขุนแก้วฯ ทำให้กลิ่นสารเคมีลอยมาปกคลุมรอบบริเวณ รวมถึงเขตศาลายา จึงแจ้งเตือนประชาชนทุกคนให้สวมแมสก์ และงดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลานี้

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตรวจสอบดูแลความปลอดภัยของนักเรียนที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงแล้ว โดยเบื้องต้นยังไม่พบเด็กนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหลแต่อย่างใด

ส่วนเรื่องการหยุดการเรียนการสอนเป็นอำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา หากประเมินแล้วเห็นว่ามีความสุ่มเสี่ยงจะเกิดความไม่ปลอดภัยต่อนักเรียนก็ให้สามารถจัดการได้ทันที ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม และจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียง โดยสาธารณสุขอำเภอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ สำรวจผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดกับประชาชน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ประชาชนทราบ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

 

 

 

 

 

 

“หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ โดยเฉพาะกรมควบคุมมลพิษ โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 จ.นครปฐม ลงพื้นที่ตรวจคุณภาพอากาศพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหล คาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในเย็นวันนี้ ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นแล้วจะมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของสำนักงานฯ พบว่า สารเคมีที่รั่วไหลเป็นสารกลุ่มอะโรแมติกเบนซีน Diphenyl Oxide (ไดฟีนิล ออกไซด์) และ Biphenyl (ไบฟีนิล) ซึ่งสารเคมีดังกล่าวมีน้ำหนักเบา ลอยไปในอากาศได้ระยะไกล หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ และส่งผลต่อทางเดินหายใจ

ดังนั้น ขอให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร และควรอยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หากพบความผิดปกติทางร่างกาย ควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ” นายอนุชา กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์