"สมชัย" แนะ "กกต." ทำงานเชิงรุก จับตา "รมต." ใช้งบหลวง หากเสียงนอกเวลาราชการ

"สมชัย" แนะ "กกต." ทำงานเชิงรุก จับตา "รมต." ใช้งบหลวง หากเสียงนอกเวลาราชการ

"อดีตกกต." มอง "กกต." ออกแนวทางปฏิบัติระยะหาเสียงเลือกตั้ง ยังขาดบทลงโทษ-การบังคับใช้จริง พร้อมเรียกร้อง กกต. ในพื้นที่ จับตา "รมต." ใช้งบหลวง หาเสียงนอกเวลาราชการ

         นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ฐานะอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ออกแนวทางการปฏิบัติและข้อควรระวังในช่วงระยะเวลาหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ของผู้สมัครและพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และหน่วยงานของรัฐ ว่า เป็นความพยายามของ กกต.ที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ว่า ผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือหน่วยราชการ รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ สามารถนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติในช่วงระยะเวลาหาเสียงเลือกตั้งได้ดีพอสมควร แต่ตนเข้าใจว่าแนวทางดังกล่าวเป็นการปฏิบัติภายในของสำนักกฎหมายและคดี สำนักงาน กกต. ไม่ใช่ประกาศของกกต.ที่ต้องลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับทั่วไป อีกทั้งแนวทางดังกล่าวไม่ระบุว่าหากมีผู้ไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษ หรือถูกลงโทษอย่างไร

 

 

         เมื่อถามว่าในกรณีที่แนวปฏิบัติของกกต.ระบุห้ามแจกสิ่งของหรือจูงใจ หากพบว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองตั้งโรงทาน จะทำได้หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ในนาม ส.ส.หรือพรรคการเมืองทำไม่ได้ แต่หากทำในนามมูลนิธิ หรือสมาคมสามารถทำได้ แต่หากมีการตรวจสอบว่าสมาคมหรือมูลนิธินั้นยุ่งเกี่ยวการเมือง ความผิดจะตกที่มูลนิธิหรือสมาคม 

 

 

         เมื่อถามว่า หากมีกรณีที่มูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ดำเนินการทำโรงทานหรือช่วยผู้ประสบภัยถือว่าทำได้หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ในนามมูลนิธิทำได้ แต่ต้องไม่มีกรณีที่พบว่าคนที่ช่วยแจกของช่วยน้ำท่วม ใส่เสื้อพรรคประชาธิปัตย์ มีคำขวัญหาเสียง เพราะจะถูกมองว่ามีเจตนาที่แฝงการหาเสียง

 

         เมื่อถามว่ากรณีที่ส.ส.ซึ่งเป็นกรรมาธิการฯ ใช้งบสภาฯทำเวทีสัมมนาและเชิญส.สหรือผู้ที่คาดว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งมาร่วม โดยพบการพูดในเชิงการเมืองทำได้หรือไม่นายสมชัย กล่าวว่า  ส.ส.ในฐานะกมธ.มีบทบาทและหน้าที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งการจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาประชาชน  แต่การพูดบนเวทีที่อาจจะถูกมองว่าเข้าข่ายหาเสียงเลือกตั้งต้องระมัดระวัง เช่นเดียวกับกรณีที่รัฐมนตรีใช้ทรัพยากรของราชการไปลงพื้นที่ ที่แม้จะลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมราชการ ช่วยชาวบ้านต้องระวัง

 

 

         “ผมขอตั้งข้อสังเกตว่ารัฐมนตรีที่แม้จะใช้เวลาราชการลงพื้นที่ ซึ่งพบว่าใช้เงินหลวง จ่ายค่าที่พัก ค่าเดินทาง และในเวลานอกเวลาราชการไปหาเสียง อาจจะถือว่าใช้งบหลวงหรือทรัพยากรของราชการเอื้อประโยชน์หาเสียงได้ เช่น เวลาราชการไปงานในราชการ แต่นอกเวลาราชการกลับไปเดินสายหาเสียงในพื้นที่ที่ไปตรวจราชการหรือลงพื้นที่  ทั้งนี้กกต.ในพื้นที่ต้องมีหน้าที่จับตาดูเพื่อส่งข้อมูลรายงานกกต.ส่วนกลาง อย่าให้ประชาชนหรือพรรคการเมืองคู่แข่งเป็นฝ่ายต้องร้องกกต.เท่านั้น เพื่อให้ กกต.ดูแลการเลือกตั้งไม่ให้ฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบช่วงเลือกตั้ง” นายสมชัย กล่าว