กกต.ตอบทุกประเด็น! แจง กมธ.กิจการสภาฯปม “กฎเหล็ก” 180 วันอันตราย
รองเลขาฯ กกต.เข้าแจง กมธ.กิจการสภาฯ ตอบทุกประเด็นข้อสงสัย “กฎเหล็ก” 180 วันอันตราย ก่อนสภาฯครบวาระ ชี้ ส.ส.ช่วยเหลือประชาชนประสบภัยพิบัติได้ แต่ต้องบริจาคในนาม ไม่เสี่ยงผิดกฎหมาย แถมได้บุญเยอะกว่า ย้ำการแบ่งเขตเลือกตั้ง หากไม่ชัดเจน ผิดไม่ผิดอยู่ที่ศาล รธน.วินิจฉัย
เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2565 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการประชุม โดยพิจารณาประเด็นสำคัญ คือ แนวทางการหาเสียงเลือกตั้งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงระยะเวลา 180 วัน ก่อนวันครบอายุสภาผู้แทนราษฎร โดยเชิญเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โดยเลขาธิการ กกต.มอบหมาย ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เข้าชี้แจงแทนว่า เรื่องการเข้าร่วมงานบุญหรืองานต่าง ๆ นั้น ผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ส.สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องแบ่งแยกให้ชัดเจนว่าไปภารกิจก็คือไปภารกิจ ไปหาเสียงก็คือหาเสียง ถ้าใช้โอกาสไปงานเพื่อไปหาเสียง ก็เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียน หรือเป็นความผิดได้ เช่น หากมีผู้เชิญไปทอดผ้าบังสุกุลก็สามารถไปทอดผ้าได้ แต่ต้องไปให้มีการประกาศว่าเป็นผู้สมัครพรรคใดขึ้นทอดผ้า ถือเป็นการใช้โอกาสในทางที่ผิด
“งานศพจัดได้แน่นอน แต่งานบวช งานแต่ง ถ้าหากต้องจัดก็ขอให้ระวังเพราะอาจเข้าข่ายการจัดเลี้ยงหรือมีมหรสพรื่นเริงได้ และขอให้จัดในวงแคบที่สุด เพื่อความปลอดภัยให้มีเฉพาะญาติสนิทมิตรสหาย หากจำเป็นต้องจัดอย่างใหญ่โตจริงๆก็ควรให้เลยช่วงเลือกตั้งไปแล้วเพื่อให้หมดปัญหาไป” ร.ต.อ.ชนินทร์ กล่าว
รองเลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องป้ายหาเสียงนั้น กำหนดขนาด 1 แผ่นไม้อัด ขนาด 125×220 ซม. โดยประมาณ ส่วนใบประกาศขนาด A3 เป็นไปตามระเบียบเดิม ยกเว้นป้ายประจำอาคารศูนย์เลือกตั้งตามขนาดประมาณ 4×7 เมตร ป้ายติดยานพาหนะหรือป้ายติดรถโฆษณาหาเสียงไม่จำกัดขนาด แต่ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก คือให้มีความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัย ส่วนป้ายบนเวทีหาเสียงเป็นไปตามขนาดเวที ไม่จำกัดขนาด และต้องคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด
หลังจากนั้นกรรมาธิการฯ ได้ซักถามทาง กกต. ในประเด็นต่าง ๆ ที่กว้างขวาง เช่น การบริจาคสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในช่วงเกิดภัยพิบัติสามารถทำได้หรือไม่ และข้อความบนป้ายหาเสียงควรมีเนื้อหาสาระอย่างไร
นายนิกร จำนง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ประสบเรื่องแบบนี้ตั้งแต่ตนอยู่ในการเลือกตั้งมา ไม่เคยเจอระยะคาบเกี่ยว 180 วันขณะที่กฎหมายเลือกตั้งยังค้างคาอยู่ในสภาเช่นนี้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเลือกตั้งก็ยังไม่ได้เคาะว่าเป็น 1.5 ล้านบาทหรือเท่าใด เพราะการกำหนด 180 วัน จะอยู่ในกรณีสภาอยู่ครบวาระ แต่หากมีการยุบสภาเกิดขึ้นก่อนหน้า กฎดังกล่าวนี้จะเริ่มนับตั้งแต่ตอนไหน และในเมื่อผ่านความผิดเริ่มนับตั้งแต่มีการประกาศกฤษฎีกา แต่หากมีการส่งมอบเงินหรือสิ่งของกันในวันนี้ แล้วต่อไปเกิดการยุบสภา อยู่ไม่ครบเต็มวาระตามที่ กกต. กำหนดไว้ 180 วัน แล้วความผิดที่เกิดขึ้นในวันนี้จะยังคงอยู่หรือไม่
ส่วนนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย สอบถามถึงแนวทางที่ กกต. ออกมาในช่วง 180 วันก่อนมีพระราชกฤษฎีกา มีการระบุว่ายังไม่ครบองค์ประกอบ ดังนั้นจึงไม่มีความผิด ถ้าเช่นนั้นจะมีข้อห้ามไว้ทำไม เหตุใดไม่รอประกาศกฤษฎีกาก่อน
ร.ต.อ.ชนินทร์ ชี้แจงต่อประเด็นที่ กมธ.ซักถาม ว่า ในเรื่องของการใช้งบประมาณหาเสียง ให้ถือตามเกณฑ์เดิมไปก่อน เพราะในช่วงแรกคาดว่าคงไม่มีใครใช้ไปถึง 1.5 ล้านบาททันที คงจะเป็นการทยอยใช้ จึงได้ออกประกาศเป็นแนวทางไว้ก่อน หากไม่ออกประกาศออกมาก็จะมีคำถามอีกว่าทำอะไรได้บ้าง
ส่วนกรณีมีการยุบสภาก่อนครบวาระ หากมีการกระทำผิดแนวทางในเวลานี้ จะมีความผิดหรือไม่ ร.ต.อ.ชนินทร์ กล่าวว่า กรณีนี้คงต้องเป็นความความเห็นทางกฎหมายเกี่ยวกับฐานความผิดขณะที่กระทำมีข้อพิจารณาอีกแบบหนึ่ง ต้องหารือกันอีกหลายรอบในเรื่องทฤษฎีทางกฎหมาย แต่หากกระทำความผิดไปแล้วก็ต้องรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยแนวทางไม่ใช่กฎระเบียบ ไม่มีข้อผูกพัน เพียงแต่กำหนดไว้เป็นแนวทางให้เข้าใจ เพื่อให้ระเบียบเกิดความชัดเจนมากขึ้น จึงต้องยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นเกิดเป็นภาพ ว่าอะไรทำได้ไม่ได้
ร.ต.อ.ชนินทร์ กล่าวว่า ส่วนการหาเสียงออนไลน์ หากมีค่าใช้จ่ายก็ต้องคิดรวมด้วย แต่หากไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องนำมาคิด ในกรณีมีแฟนคลับมาช่วยหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ หากใช้งบประมาณเกิน 10,000 บาท ต้องมาแจ้งผู้สมัครฯ ให้นำมาคิดรวมด้วย สำหรับข้อความบนป้ายห้ามมีการใส่ร้ายป้ายสี หรือข้อความเท็จหรือการสัญญาว่าจะให้ ซึ่งหากมีเรื่องร้องเรียนก็จะอยู่ที่ศาลวินิจฉัย
เมื่อถามว่า หากมีเหตุภัยพิบัติ ส.ส. จะช่วยประชาชนอย่างไร ร.ต.อ.ชนินทร์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าการหาเสียงคือการค้านโยบายและตัวตนของเราเพื่อให้เกิดความนิยม จึงต้องมีกฎหมายกำหนดว่าห้ามการนำสิ่งของหรือเงินไปมอบให้
“หากสงสารประชาชนจริงๆ จะต้องบริจาคให้ได้ ท่านก็บริจาคโดยที่ไม่แสดงตัวตน ถ้าอย่างนั้นจะได้บุญเยอะกว่า เคยแนะนำคนอื่นไปเยอะเรื่องนี้ เขาก็บอกไม่ได้ ต้องแสดงตัวตนให้ได้ ก็จะเข้าข่ายความผิด คนเงินเยอะก็จะได้เปรียบ ทำนอกเขตได้ไหม ถ้าท่านไปแอบทำ ไม่มีใครรู้เห็น ก็ไม่มีใครว่าครับ ท่านได้บุญล้วนๆ แต่ถ้าทำแล้วมาโพสต์เฟซบุ๊กแบบนี้ มันก็เป็นการหาเสียงอย่างหนึ่ง” ร.ต.อ.ชนินทร์ กล่าว
เมื่อถามถึงปัญหาการที่กฎหมายเลือกตั้งยังค้างคา และเขตเลือกตั้งที่แบ่งใหม่ยังไม่ชัดเจนนั้น ร.ต.อ.ชนินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณา จะช้าเร็วก็อยู่ที่ศาล
“การหาเสียงในเขตเลือกตั้งที่ยังไม่ชัดเจน เรียนไปแล้วว่า เพราะกฎหมายเลือกตั้งยังไม่ผ่าน ไม่ใช่ความผิดของ กกต. ซึ่งเราอยู่บนพื้นฐานของความไม่ชัดเจนเท่ากัน กกต. ก็ยิ่งหนักกว่า เพราะโดนสื่อมวลชนด่าทุกวันว่าไม่ชัดเจน ก็กฎหมายยังไม่ออก จึงไม่สามารถแบ่งเขตได้ แต่เพื่อให้ผู้สมัครฯ ที่อยากหาเสียงดำเนินการไปก่อนได้ จึงต้องใช้ระเบียบยึดตามเขตเลือกตั้งเดิมไปก่อน” ร.ต.อ.ชนินทร์ กล่าว