“วิลาศ” ร้อง ป.ป.ช.-สตง.สอบปมสร้างสภาใหม่ แจ้งที่มา “ไม้ตะเคียนทอง” เท็จ

“วิลาศ” ร้อง ป.ป.ช.-สตง.สอบปมสร้างสภาใหม่ แจ้งที่มา “ไม้ตะเคียนทอง” เท็จ

“วิลาศ จันทร์พิทักษ์” ร้อง ป.ป.ช.-สตง. ลุยสอบปมก่อสร้าง “สภาใหม่” 2 เรื่อง ส่อทุจริต อ้างมีแจ้งความเท็จที่มา “ไม้ตะเคียนทอง”

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รวมถึงสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบกรณีส่อทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ 2 เรื่อง

โดยนายวิลาศ ระบุว่า ด้วยโครงการก่อสร้างของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีพื้นที่ประมาณ 13,758 ตร.ม. ต้องปูด้วยไม้ตะเคียนทอง (ขนาดความยาวไม่น้อยกว่า 3 เมตร กรณีจำเป็นความยาวไม้ต้องไม่น้อยกว่า 2 เมตร ความกว้าง 10 นิ้ว และความหนา 2 นิ้ว) รวมทั้งตงก็ใช้ไม้ตะเคียนทองด้วย

“วิลาศ” ร้อง ป.ป.ช.-สตง.สอบปมสร้างสภาใหม่ แจ้งที่มา “ไม้ตะเคียนทอง” เท็จ

ต่อมามีหนังสือของกลุ่มบริษัทควบคุมงาน ATTA ส่งข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับไม้ตะเคียนทอง ซึ่งใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาดังกล่าวให้คณะกรรมการตรวจการจ้าง ในเอกสารดังกล่าวพบว่า มีการแจ้งแหล่งที่มาของไม้ที่ขึ้นในที่ดิน มีกรรมสิทธิ์จำนวน 18 ราย จึงมีการตรวจสอบด้วยตัวเอง 3 รายจาก 13 รายดังกล่าว

ปรากฏว่า จากการตรวจสอบทั้งภาพ แถบเสียง และพยานบุคคล ตลอดจนเอกสารยืนยันได้ว่า การแจ้งแหล่งที่มาของไม้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จทั้ง 3 รายการที่ตรวจสอบ เช่น วันเดือนปีที่ซื้อขาย จำนวนไม้ที่ซื้อขาย ชนิดของไม้ที่ซื้อขาย และวัตถุประสงค์ในการซื้อไม้ ซึ่งแต่ละรายละเอียดอาจเป็นเท็จหลายอย่าง

“วิลาศ” ร้อง ป.ป.ช.-สตง.สอบปมสร้างสภาใหม่ แจ้งที่มา “ไม้ตะเคียนทอง” เท็จ

หลังจากตรวจสอบว่ามีการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ จึงมีหนังสือแจ้งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบเมื่อ 24 ส.ค. 2565 จากการตรวจสอบทราบว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ กรณีมีการแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงดำเนินการร้องเรียนต่อสำนักงาน ป.ป.ช. และ สตง. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการตรวจการจ้างว่า มีการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้หน่วยงานของรัฐเสียหาย อีกทั้งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเอื้อประโยชน์หรือไม่