‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ บุกงานหนังสือ ‘ซอฟต์เพาเวอร์’สู้ศึกเลือกตั้ง
วันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของการหยุดยาวสี่วันในสัปดาห์นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อาจเรียกได้ว่าเป็นวัน “รังหนอนแตก” เมื่อบรรดาหนอนหนังสือไหลทะลักเข้าร่วมงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 27 ปีนี้ที่น่าสนใจคือพรรคการเมืองก็มาออกบูธร่วมงานด้วย
พรรคก้าวไกลมาตั้งบูธเลขที่ I-35 ในลักษณะกล่องดำใบใหญ่ที่รวมทุกปัญหาของประเทศไทย ที่เป็นสีดำเพราะนำสติกเกอร์มาปิดไว้เมื่อผู้ร่วมงานแกะสติกเกอร์สีดำออกจะเจอพื้นสีส้มเขียนปัญหาต่างๆ ของประเทศ เมื่อแกะสติกเกอร์ออกทั้งหมดบูธที่เคยเป็นสีดำก็จะกลายเป็นสีส้มซึ่งเป็นสีของพรรค
ภายในบูธจัดเป็นโต๊ะอาหาร เพราะโดยธรรมชาติคนเราไม่ค่อยคุยเรื่องการเมืองบนโต๊ะอาหาร แต่พรรคก้าวไกลตั้งใจทำในรูปแบบนี้เพื่อให้คนที่แวะมาที่บูธได้มาคุยการเมืองกันโดยเฉพาะ มุมหนึ่งของโต๊ะวางเก้าอี้สีแดงไว้พร้อมป้าย reserved เว้นไว้สำหรับเพื่อนๆ ที่สูญหาย ซึ่งพรรคได้รวบรวมรายชื่อคนเหล่านี้ไว้ เช่น วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ, เตียง ศิริขันธ์ และบิลลี่ พอละจี
บนโต๊ะมีเมนูนโยบาย ตั้งแต่เรื่องระบบราชการ ท้องถิ่น กองทัพ การศึกษา ให้ทุกคนเลือกนโยบายที่ชอบถ้าไม่ชอบก็เสนอนโยบายเพิ่มเติม ซึ่งพรรคจะรวบรวมข้อเสนอเหล่านี้ทำเป็นนโยบายต่อไป
กลางโต๊ะมีเหยือกน้ำจาก อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ที่คณะก้าวหน้าร่วมกับ อบต.ทำน้ำประปาดื่มได้ภายใน 99 วัน นำมาให้ผู้ร่วมงานได้ดื่ม ด้านในมีเหยือกเบียร์คราฟท์ที่พรรคสนับสนุน พรบ.สุราก้าวหน้า
มุมหนึ่งมีทะเบียนสมรสเท่าเทียมที่พรรคทำขึ้น ไม่มีการระบุคำนำหน้าชื่อนาย นางสาว มีแต่คำว่า คุณ ใกล้กันมีจาน ชาม ช้อน ตะเกียบ ขนาดและสีแตกต่างกันวางอยู่ สะท้อนว่า เราสามารถเลือกจานได้อย่างหลากหลาย ช้อนกับส้อมไม่จำเป็นต้องเข้าคู่กัน จะเลือกช้อนหรือส้อมอย่างเดียว หรือจะเลือกรับประทานอาหารกับตะเกียบก็ได้
คนที่สนใจเรื่องงบประมาณมีคิวอาร์โค้ดสแกนอ่านเอกสารงบประมาณความยาว 20,000 หน้าได้เช่นกัน
น้องจูน สิตานันท์ เจ้าหน้าที่สมาชิกสัมพันธ์พรรคก้าวไกลเล่าว่า พรรคมาร่วมออกงานในงานหนังสือเป็นครั้งแรกแม้ไม่ได้ขายหนังสือเพราะงานนี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสื่อสารนโยบายกับประชาชนได้ ซึ่งผลตอบรับดี คนที่มาบูธมีตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน และผู้สูงอายุ นโยบายที่คนสนใจมากคือนโยบายด้านการศึกษา นักเรียน นักศึกษามักเข้ามาถกเถียงกันในเรื่องนี้
แม้บูธก้าวไกลไม่มีหนังสือขาย แต่ที่บูธE11 ของมูลนิธิคณะก้าวหน้า มีการนำหนังสือมาจำหน่าย ทั้งผลงานของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, รังสิมันต์ โรม, เบญจา แสงจันทร์,ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์,พริษฐ์ วัชรสินธุ และปิยบุตร แสงกนกกุล
ด้านพรรคเพื่อไทยได้บูธเลขที่ I40 เป็นพื้นที่เสนอนโยบาย ฝันปังดังรวย! 1 ครอบครัว 1 Soft Power (OFOS) ที่บอกได้เลยว่าบูธนี้วัยรุ่นเข้าเยอะเหมือนกัน
ทั้งยังมีการขายหนังสือเกี่ยวกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตรด้วย
ฝั่งตรงข้ามเป็นบูธขายหนังสือ ‘Thaksin Shinnawatra Theory and Thought’ อัตชีวประวัติทุกแง่มุมของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ตอนนี้รีแบรนด์มาเป็น โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) ไฮไลต์ของงานอยู่ที่วันเสาร์ที่15 ต.ค. เวลา 17.00 - 19.00 น. โทนี่จะมีวีดิโอคอลและแจกลายเซ็นให้แฟนคลับในรูปที่คั่นหนังสือ กระบวนการนี้ใช้เวลาราว 30 วินาที ได้ยินวัยรุ่นแถวนั้นนัดกันมางานวันที่ 15 แล้ว
กรุงเทพธุรกิจเห็น น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี กำลังถ่ายรูปกับแฟนการเมืองแถวนั้นจึงถือโอกาสไถ่ถามเรื่องที่พรรคการเมืองพากันมาออกบูธในงานหนังสือ
“ต้องบอกว่าเป็นวิสัยทัศน์ของสมาคมผู้จัดพิมพ์ที่รู้สึกว่าพรรคการเมืองเป็นองค์กรสำคัญที่จะผลักดันเรื่องการอ่านให้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเรื่องความรู้และปัญญาได้” หมอเลี้ยบกล่าวและเสริมว่า เดิมทีพรรคการเมืองเกือบได้ไปออกบูธตั้งแต่ตอนจัดงานที่สถานีกลางบางซื่อแต่ผู้จัดยังไม่อยากให้พรรคการเมืองมาเกี่ยวข้องเลยต้องระงับไว้ก่อน ครั้งนี้เมื่องานมหกรรมหนังสือระดับชาติกลับมาจัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ถือเป็นโอกาสดี สมาคมผู้จัดพิมพ์จึงจัดให้โซนนี้เป็นโซนการเมืองและประชาธิปไตยโดยเฉพาะ
สำหรับเสียงตอบรับ หมอเลี้ยบกล่าวว่า แค่งานวันที่ 2 ก็มีคนมาร่วมงานมหาศาล
“ผมเชื่อว่านักอ่านยังมีมากมาย การกลับมาที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เหมือนกลับมาบ้านเดิมที่เขาคุ้นเคย”
ส่วนเรื่องหนังสือ ‘Thaksin Shinnawatra Theory and Thought’ หมอเลี้ยบได้รีวิวให้ฟังสั้นๆ
“หนังสือเล่มนี้พยายามสะท้อนประวัติ การตกผลึกทางความคิดของคุณทักษิณตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ผ่านประสบการณ์ทางการเมือง ผ่านวิกฤติในชีวิต นอกจากนั้นยังมีความเห็นของคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนขับรถ เพื่อที่จะสะท้อนว่าเขารู้สึกยังไงกับคุณทักษิณด้วย หลานๆ ก็เช่นเดียวกัน เล่มนี้น่าจะเป็นการสรุปเส้นทางชีวิตของคุณทักษิณล่าสุดสำหรับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้อาจจะมีหนังสือคุณทักษิณหลายเล่มแต่ก็หยุดไปหลังยุติบทบาทนายกรัฐมนตรี”
เห็นคนมางานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งนี้ต้องยอมรับว่า แม้เทคโนโลยีการอ่านไปไกลขนาดไหน แต่หนังสือที่เป็นตัวเล่มยังมีเสน่ห์เสมอตรงที่สามารถจับต้องได้ เปรียบไปก็เหมือนกับนโยบายพรรคการเมือง พรรคที่มีนโยบายจับต้องได้ ปฏิบัติได้จริงย่อมเป็นที่ต้องการของประชาชน การมาออกบูธของพรรคการเมือง แล้วนำหนังสือบุคคลในพรรคมาจำหน่าย ไม่ใช่แค่การพบปะประชาชนแบบพื้นๆ นำเสนอนโยบายแบบตรงๆ แต่เป็นการสื่อสาร “ความสำเร็จ” ผ่านตัวหนังสือ ค่อยๆ บอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวอักษร ให้ผู้รับสารค่อยๆ อ่านและคิด นั่นคือกระบวนการสร้าง “ซอฟต์เพาเวอร์” ของพรรคที่สำคัญไม่แพ้กระสุนดินดำที่ต้องสาดกันไม่ยั้งเมื่อถึงเวลาหาเสียงจริง