อหังการ์"พญาครูใหญ่เนวิน" ดันภท.สยายปีก"ฝัน(ไม่)เกินจริง?"
ประกาศิต"ครูใหญ่" ค่ายสีน้ำเงิน ตัวเลข 120 เสียง ดัน "ลูกศิษย์หนู" สยายปีกผงาดเบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า จะเป็นแค่ฝันไปหรือไม่อีกไม่นานจะได้รู้กัน!
การปรากฏตัวของ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลางงานเบิร์ธเดย์ครบรอบ 64 ปี เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่เป็นการส่งสัญญาณ “เปิดหน้าชก” ท่ามกลางสัญญาณเลือกตั้งที่เริ่มก่อตัว
หากแต่ยังมีเดิมพันสูงไปถึง ตัวเลขส.ส.ที่รอบหน้าจะต้องตีตั๋วเข้าสภาให้ได้อย่างน้อย120ที่นั่ง เพื่อส่งให้ “ค่ายสีน้ำเงิน” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ไม่ต่างจาก “ลูกศิษย์” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่รอบนี้ “ครูใหญ่” หวังสูงถึงขั้นดัน “ศิษย์เอก” สยายปีกในฐานะเบอร์1ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล
ฉะนั้นด้วยเดิมพันที่สูงลิบทำให้กลเกมค่ายสีน้ำเงินรอบนี้ยังคงมุ่งที่จะเปิดดีลพ่วงโปรย้ายค่ายกวาดต้อนขุนพลหัวเมืองต่างๆเพื่อเติมแต้มให้กับพรรค
โดยเฉพาะบรรดา “ซุ้มบ้านใหญ่” อาทิ ศรีสะเกษ อยุธยา หรือ พิจิตร ที่มีเดิมพันกวาดยกจังหวัดแจก 1ปาร์ตี้ลิสต์ บวก1-2เก้าอี้รัฐมนตรีขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนส.ส.
การปรากฏตัวของ “29ส.ส.” จากพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน กลางงานวันเกิด “เนวิน” เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นตอกย้ำเกมดูดทั่วทุกสารทิศที่ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งมากเท่าไรก็จะยิ่งทวีความอหังการ์มากยิ่งขึ้น
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งเมื่อปี2562 ครั้งนั้น ภูมิใจไทยได้คะแนนมาเป็นอันดับที่5ด้วยจำนวนส.ส.51เสียง
ก่อนที่ต่อมาจะมีส.ส.ทั้งจากพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐและพรรคอนาคตใหม่ ย้ายมาสังกัดพรรคเพิ่มเติมอีก 14 คน จนถึงเวลานี้ภูมิใจไทยมีส.ส.ในมือ 65คน
รวมทั้งในส่วนของ29 ส.ส.งูเห่าหน้าเก่า-หน้าใหม่ ที่ปรากฏตัวกลางงานวันเกิดเนวิน เท่ากับว่า เวลานี้ภูมิใจไทยส.ส.ในสภาราว 94 เสียง
เมื่อนับนิ้วบวกลบกลุ่มก้อนอื่นๆที่มีข่าวคราวย้ายพรรคนับรวมคร่าวๆแล้วอยู่20-30 เสียงเท่ากับว่า “จิ๊กซอว์” ก็จะไปลงล็อกที่ 100 -120 เสียงตามที่เนวินและอนุทินพูดถึง
ทว่า การจะเป็น “พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล” ตามที่ “ครูใหญ่” และ“ศิษย์เอกหนู” พูดถึง การมีเสียงส.ส.ในมือเวลานี้แม้จะนับนิ้วคร่าวๆเกินร้อย แต่ก็ใช่ว่าค่ายสีน้ำเงิน ก็ใช่ว่าจะไว้วางใจได้
เพราะต้องไม่ลืมว่าส.ส.ที่ย้ายพรรค หลายคนถูกสลักหน้าผากไปแล้วว่าเป็น ส.ส.งูเห่า มีโอกาสสอบตกสูง ขณะที่รอบที่แล้วมีหลายคนเข้าสภาได้ด้วยเรตติ้งพรรคเดิม โดยเฉพาะกลุ่มงูเห่าอนาคตใหม่ ที่ได้ “กระแสธนาธร” บวกกระแสเทคะแนนจากพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบไปกลางคัน
ฉะนั้น ศึกรอบนี้ส.ส.ที่ปรากฏชื่ออยู่ในกลุ่มย้ายพรรคอาจมีเดิมพันสูง ด้วยการพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานเพื่อลบล้างข้อกล่าวหา “หักหลัง” หรือ “ทรยศ” บ้านเก่าให้ได้
ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลให้ “สมการการเมือง” ที่ทั้งครูใหญ่และศิษย์เอกตั้งเป้าไว้ต้องสะดุดลงด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันศึกรอบนี้ “ภูมิใจไทย” จำต้องยึดฐานที่หลัก3ภูมิภาคสำคัญทั้ง “สนามอีสาน” ที่ครั้งนี้จะมีส.ส.เพิ่มจาก 126 ที่นั่ง เป็น 132 ที่นั่ง ซึ่ง “ค่ายสีน้ำเงิน” จะต้องไปสู้ “ค่ายนายใหญ่ดูไบ” ที่ประกาศ “ไล่หนู-ตีงู” โหมกระแสดับเบิ้ลแลนด์สไลด์สนามท้องถิ่น ปลุกพลัง “โหวตสั่งสอน” ในสนามใหญ่หลังจากนี้
ไม่ต่างจากภาคใต้แม้ก่อนหน้าหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะประกาศ “อันดามันแลนด์สไลด์” รวมถึงตอกเสาเข็มภาคใต้ตอนล่างบางจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดสงขลา แต่ภูมิใจไทยเองก็ยังไม่จุดโหว่อยู่ที่3จังหวัดชายแดนใต้
รวมถึงภาคใต้ตอนบนอาทิ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชุมพร ซึ่งภท.เจอกระดูกชิ้นใหญ่ทั้งรวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ รวมถึงพลังประชารัฐบางส่วนที่ตัดสินใจไปต่อกับพรรค จึงทำให้ภท.ยังไม่สามารถเจาะได้
ขณะที่ภาคกลางก่อนหน้า “ค่ายครูใหญ่” ดูดบรรดา “ซุ้มบ้านใหญ่” ไม่ว่าจะเป็น 2ตระกูลเมืองพิจิตร “ภัทรประสิทธิ์- ขจรประศาสน์” ,ซุ้มบ้านใหญ่ “พันธุ์เจริญวรกุล” แห่งเมืองกรุงเก่าอยุธยา ที่มีในส่วนของนพ ชีวานันท์ จากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเติม
ยามนี้ภท.ยังคง “สยายปีก” ต่อเนื่องไปที่สนามเมืองหลวง ที่แม้ก่อนหน้าจะดูส.ส.อนาคตใหม่มาได้2คนคือ มณฑล โพธิ์คาย และ โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี แต่สุ่มเสี่ยงที่จะสอบตกสูงสะท้อนภาพจากสนามสก.ที่ผ่านมา
กลเกมภท.ยามนี้นอกเหนือจากการดูดส.ส.เพิ่มเติมแล้วจึงต้องพยายาม “โปรยยาหอมคนกรุง” โดยเฉพาะนโยบายค่าครองชีพ สะท้อนภาพชัดจากท่าทีของ “รมต.โอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ที่จู่ๆออกมาเปิดโมเดลคุมราคารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ต่างๆเหล่านี้เป็นการตอกย้ำว่า ยิ่งสัญญาณเลือกตั้งเริ่มนับถอยหลังมากเท่าไร กลเกม “ค่ายครูใหญ่” ที่มีเดิมพันเป็นพรรคแกนนำ จะยิ่งทวีความอหังการ์ในการเปิดดีลดูดมากเท่านั้น
ตัวเลข 120 เสียง สยายปีกตั้งรัฐบาลจะเป็นไปได้หรือไม่ หรือจะเป็นแค่ฝันไปอีกไม่นานจะได้รู้กัน!