“ณัฐชา ก้าวไกล” ชี้ “นักร้อง” ชนวนนิติสงคราม อยากหยุดต้องแก้ กม.ปิดปาก ปชช.
“ณัฐชา ก้าวไกล” ชวนตั้งข้อสังเกต เหตุใด “นักร้อง” จึงสร้าง “นิติสงคราม” ไม่สิ้นสุด ชี้หากอยากหยุดอาชีพนี้ ต้องแก้ปัญหากฎหมายปิดปากประชาชน ย้ำการแก้ ม.112 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2565 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.บางขุนเทียน กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ถูกทำร้าย และเป็นกระแสถูกอกถูกใจประชาชนจำนวนมากเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคำตอบว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมไม่เห็นด้วย และรังเกียจกับการทำหน้าที่ของนักร้องที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามสร้างนิติสงครามอยู่บ่อยครั้ง
นายณัฐชา กล่าวว่า แต่ประเด็นสำคัญอยากให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงต้นตอปัญหาว่า เหตุใดอาชีพนักร้องถึงสามารถสร้างนิติสงครามได้ไม่สิ้นสุด ที่หนักไปกว่านั่นคือองค์กรยุติธรรมก็หยิบคดีจากนักร้องเหล่านี้มาทำคดีอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็เพราะผู้มีอำนาจจงใจออกกฎหมายมาเป็นเครื่องมือปิดปากประชาชน กลั่นแกล้งขัดแข้งขัดขาฝ่ายตรงข้าม กลับกันหากกฎหมายไม่ได้เอื้อ อาชีพนักร้องก็เป็นได้เพียงการสร้างความรำคาญ ไม่มีผลชี้ชะตากรรมผู้อื่นเช่นนี้
นายณัฐชา กล่าวอีกว่า หากเรามีความเห็นตรงกันว่าอาชีพนักร้องเป็นอาชีพที่ขัดขวางการแสดงออกของประชาชนและเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนในหลายประเด็นในสังคม สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่การลงมือใช้ความรุนแรงกับนักร้อง แต่ต้องร่วมกันผลักดันให้มีการแก้กฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้แก่กฎหมายอาญามาตรา 112, มาตรา 116, พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ให้ได้ พรรคก้าวไกลได้เสนอแก้กฎหมายเหล่านี้ในการเปิดนโยบายการเมือง เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้ร่างแก้ไขชุดกฎหมายเหล่านี้ ได้ถูกบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาแล้ว ยกเว้นร่างแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ที่สภาไม่ยอมบรรจุเข้าวาระ โดยอ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่พรรคก้าวไกลยืนยันจะเดินหน้าผลักดันต่อไปหากได้เป็นรัฐบาล และย้ำว่าการแก้ 112 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ได้กระทบต่อพระราชสถานะองพระมหากษัตริย์ ในฐานะประมุขของประเทศ
นายณัฐชา กล่าวด้วยว่า แม้ตนจะถูกนายศรีสุวรรณยื่นร้องในหลายครั้ง แต่พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงตอบโต้ แม้อีกฝ่ายจะก่อความเดือดร้อน ทำลายชีวิตผู้อื่น ทางเดียวที่จะทำให้ทุกฝ่ายอยู่กันอย่างสันติได้ คือกฎหมายในประเทศต้องเป็นธรรมและเป็นกฎหมายที่คุ้มครองประชาชนไม่ใช่คุ้มครองผู้มีอำนาจ ไม่เปิดทางให้มีการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งกัน