“ไทยสร้างไทย” ค้าน ควบรวม “ทรู-ดีแทค” หวั่น ผูกขาด ปชช. แบกค่าบริการแพง
“ไทยสร้างไทย” ห่วงควบรวม “ทรู-ดีแทค” นำสู่การผูกขาด ชี้ แม้มีเงื่อนไขรองรับ-คุ้มครองผู้บริโภค ต้องพ้น 3 ปี ไปก่อน อนาคตเสี่ยงเรื่องราคาค่าบริการแพง เหตุ ไม่เกิดการแข่งขัน แนะ รัฐบาล ควรหนุน NT
นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ โฆษก พรรคไทยสร้างไทย กล่าวแสดงความกังวลถึงกรณีข่าวที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ บอร์ด กสทช. มีมติเสียงข้างมากรับทราบการควบรวมกิจการโทรคมนาคมของ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และ บริษัท โทเทิ่ล แอคเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ ดีแทค เพราะมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การผูกขาดในด้านสาธารณูปโภค ที่ควรเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงค์ชีวิตของประชาชน ทำให้คู่แข่งขันในตลาดจะเหลือเพียงสองเจ้าใหญ่ คือ เอไอเอสและทรูกับดีแทคที่ควบรวมกัน โดยถึงเแม้จะมีการกำหนดเงื่อนไขเฉพาะเพื่อรองรับและคุ้มครองผู้บริโภคว่าต้องพ้นสามปีไปก่อนจึงจะสามารถควบรวมได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็มีความเสี่ยงในอนาคตที่จะทำให้ทิศทางราคาการใช้บริการโทรคมนาคมของประชาชนถูกกำหนดโดยเจ้าตลาดเพียง 2 บริษัทเท่านั้น
การที่บริษัทโทรคมนาคมขนาดใหญ่สองบริษัทควบรวมกิจการกันนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง เพราะบริษัทมหาชนย่อมคำนึงถึงผลประกอบการเป็นหลัก แต่กิจการโทรคมนาคมนั้นเป็นสาธารณูปโภคที่ประชาชนทุกคนจำเป็นต้องใช้ การปล่อยให้มีบริษัทยักษ์ใหญ่เพียง 2 บริษัท ดำเนินกิจการเช่นนี้จะส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนอาจทำให้มีการฮั้วกันและไม่แข่งขันตัดราคาซึ่งกันและกันของสองบริษัท จนทำให้ราคาอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์ของประชาชนพุ่งสูงขึ้นได้ จึงอยากขอให้ประชาชนช่วยกันจับตามอง
นางสาวธิดารัตน์เสนอว่ารัฐบาลควรพิจารณาสนับสนุนรัฐวิสาหกิจของรัฐเองมากขึ้น อย่างเช่นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT (กสท. และ TOT เดิม) โดยให้ NT เข้ามาถ่วงดุลในตลาดโทรคมนาคมเพิ่มเติม โดยเสนอให้มีราคาที่ต่ำกว่าบริษัทเอกชนทั้งสองบริษัทเพื่อดึงดูดให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการกับรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น และเป็นการช่วยดึงราคาในตลาดไม่ให้มีค่าบริการที่สูงเกินไป รวมถึงการันตีว่าประชาชนจะสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคได้อยู่อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังกล่าวว่าการที่ กสทช. อนุญาติให้เกิดการควบรวมกิจการของทุนขนาดใหญ่สองบริษัทในกิจการโทรคมนาคมนั้นไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนให้เกิดทุนผูกขาดขึ้นในประเทศแต่ยังสะท้อนถึงระบอบอำนาจนิยมที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชนได้ เพราะไม่ได้มองถึงปัญหาของประชาชนคนตัวเล็ก ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพในสาธารณูปโภค และรัฐควรที่จะต้องคำนึงถึงปัญหาเรื่องการผูกขาดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในกิจการที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตประจำวันของประชาชน