33ตั๋วผู้แทน "นครบาล" วัดพลัง "กระแส-กระสุน"
33ที่นั่ง "ผู้แทนนครบาล" จุดยุทธศาสตร์และฐานที่มั่นสำคัญที่บรรดาพรรค พุ่งเป้าปั่นกระแส-ยิงกระสุนเป็นลำดับต้นๆ
อย่างที่รู้กันว่า ในการแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในการเลือกตั้งสนามใหญ่รอบนี้ “สนามนครบาล”จะมีที่นั่ง ส.ส.เพิ่มขึ้นจากเดิม 30 ที่นั่งเป็น 33 ที่นั่ง
ไม่แปลกที่ยามนี้ “ตลาดการเมือง” จะคึกคักด้วยความเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคการเมือง ทั้งขั้วซ้าย-ขั้วขวา ในการจัดทัพผู้สมัคร และให้ความสำคัญกับสนามนครบาล เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญลำดับต้นๆ
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้ง เมื่อปี 2562 ศึกครั้งนั้นได้สร้างปรากฎการณ์การเมืองอย่างมีนัยสำคัญ
โดยพรรค “ขั้วประชาธิปไตย” ทั้งเพื่อไทยปักธงสนามเมืองหลวงได้ 9 ที่นั่ง
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ที่ต่อมากลายมาเป็นพรรคก้าวไกลปักธงได้ 9 ที่นั่ง เท่ากับว่า ในการเลือกตั้งครั้งนั้น 2 พรรคฝ่ายซ้ายสามารถปักธงสนามเมืองหลวงได้ถึง 18 ที่นั่ง
ส่วน “ฝั่งอนุรักษ์นิมยม” มีเพียงพลังประชารัฐพรรคเดียว ที่ได้กระแส “เลือกความสงบจบที่ลุง” ปักธงสนามเมืองหลวงได้ 12 ที่นั่ง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เกิดจุดพลิกไม่สามารถตีตั๋วผู้แทนได้แม้แต่คนเดียว
ศึกครั้งนี้ ฝั่งประชาธิปไตย ชิงเปิดตัว “ว่าที่ผู้สมัคร” ตั้งแต่ไก่โห่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ที่แถลงเปิดตัว “21 ว่าที่ผู้สมัคร” ไปเมื่อ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา
ไม่ต่างจาก “ก้าวไกล” ก่อนหน้าเปิดตัว “23 ว่าที่ผู้สมัคร” ไปเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่ฝั่ง “อนุรักษ์นิยม” รอบนี้ เผชิญโจทย์หิน จากปรากฎการณ์ “ชัชชาติแลนด์สไลด์” รวมถึงที่นั่ง ส.ก.ที่หล่นวูบ มิหนำซ้ำยังเกิดปรากฎการณ์ “ตกปลาในบ่อเพื่อน”
ทั้ง “พลังประชารัฐ” ที่เผชิญเกมดูด-กลุ่มก้อน ส.ส.ปันใจออกห่าง จนร้อนถึง “บิ๊กพปชร.” ที่เสนองัดยาแรง ตัดท่อน้ำเลี้ยงส.ส.ที่บางรายปรากฎพฤติกรรมชัดเจนได้รับดูแล 2 ทาง
ไม่ต่างจาก “ภูมิใจไทย” ที่ได้รับประกาศิตมาจากครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ในการอัพเลเวล เป็นพรรคขนาดใหญ่ 120 เสียงชิงเกมแกนนำตั้งรัฐบาล ล่าสุด ยังคงพยายามสยายปีกไปที่สนามเมืองหลวง สะท้อนภาพชัดจากชื่อ 4-5 ส.ส.พปชร ที่มีข่าวคราวย้ายพรรค
โดยเฉพาะ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ล่าสุดออกมายอมรับแบบไม่หมกเม็ด ถึงการเปิดดีล ทาบทาม “เดอะบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำ ส.ส.กทม. ว่า “พูดคุยกันอยู่ เพราะพรรคภูมิใจไทยอยากมี ส.ส.ในกรุงเทพฯ”
อันที่จริง เวลานี้ภูมิใจไทยมี ส.ส.ที่ดูดมาตั้งแต่เมื่อครั้งยุบพรรคอนาคตใหม่ 2 คน คือ มณฑล โพธิ์คาย และ โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี แต่ลึกๆ แล้ว “บิ๊ก ภท.” ย่อมรู้ดีว่า รอบที่แล้ว ทั้ง 2 คนเข้าสภาด้วยกระแสพรรคเดิม รอบนี้จึงสุ่มเสี่ยงที่จะสอบตกสูง สะท้อนภาพจากสนาม ส.ก.ที่ผ่านมา
ฉะนั้น นอกเหนือจากเกมดูดที่ ภท.กำลังดำเนินอยู่เวลานี้ จำต้องเร่งงัดนโยบาย "ซื้อใจคนกรุง" โดยเฉพาะท่าทีของ “รมต.โอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ก่อนหน้าออกมาเปิดโมเดล คุมราคารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ก่อนที่อีกไม่กี่วันถัดมา “หัวหน้าหนู อนุทิน” จะออกมาสำทับ เรื่องนี้ขอโอกาสคนกรุง ด้วยผลงานศักดิ์สยาม ทั้งการผลักดันรถเมล์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้าสายสีเขียว เรื่องไม่เสียค่าโง่โฮปเวลล์ เป็นของขวัญให้ชาวเมืองหลวง
ขณะที่ “ค่ายประชาธิปัตย์” รอบนี้ มีเดิมพันในการกู้ศักดิ์ศรีเมืองหลวง “บิ๊กปชป.” หวังลึกๆ ไปที่คะแนน ส.ก.ใน 9 เขต ซึ่งเป็นเขตเล็ก เมื่อทอนมา ส.ส.ซึ่งเป็นเขตใหญ่ น่าจะแปรเปลี่ยนเป็นที่นั่งผู้แทนได้ 6-7 ที่นั่ง อีกส่วนมาจากคะแนนส.ก.ในเขตที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 อีกราว 3-4 เขต รวมกันน่าจะอยู่ที่ 9-10 เสียง
แต่กระนั้น “บิ๊กปชป.” เองก็แอบเผื่อใจไว้ลึกๆ ปชป.ผ่านจุดต่ำสุดคือไม่มี ส.ส.ในกทม.มาแล้ว ฉะนั้นไม่ว่ารอบนี้จะได้กี่ที่นั่ง ก็ถือว่าไม่มีอะไรแย่ไปกว่าคราวที่แล้วอีกแล้ว
“ฝุ่นควันการเมือง” ที่เริ่มคุกรุ่นจากสัญญาณเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ ไม่แปลกที่ยามนี้ “สนามนครบาล” จะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่บรรดาพรรคการเมืองน้อยใหญ่ จะมุ่งปั่นกระแส-ยิงกระสุนเป็นลำดับต้นๆ