"2ป."แยก-ขั้วขวาร้าว สัญญาณ"สมการเปลี่ยน?"
จังหวะการแยกกันเดินของ "พี่น้อง2ป." บวกเกมชิงไหวชิงพริบในขั้วรัฐบาล ต้องจับตา"สมการการเมือง" ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
“ฝุ่นควันการเมือง” ที่เริ่มคุุกรุ่นจากสัญญาณจัดทัพรับเลือกตั้ง ทำให้ตลาดการเมืองยามนี้คลาคล่ำไปด้วยความเคลื่อนไหวของบรรดา “นักเลือกตั้ง” ทั้ง “บิ๊กเนม-โนเนม” ที่เร่งเปิดเกมงัดสารพัดกลเม็ดเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะ “ขั้วอนุรักษ์นิยม” ที่ยามนี้ มีการจับจ้องไปที่สัมพันธ์ของบรรดา “บิ๊กเนม” ไม่ว่าจะเป็น “พี่น้อง 2 ป.” ทั้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)
ที่ล่าสุดส่อแวว “แยกกันเดิน” (ร่วมกันตี?) “ฝั่ง พปชร.” ก่อนหน้าออกมาชงโมเดลทั้ง “หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม” “นายกฯคนละครึ่ง”
จนกระทั่งล่าสุดคือ โมเดล “นายกฯไร้รอยต่อ” โดยเฉพาะท่าทีของ “วีระกร คำประกอบ” ส.ส.นครสวรรค์ อ้างเหตุผลเรื่อง “นายกฯครึ่งเทอม” หากเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถเป็นนายกฯ ได้เพียง 2 ปี ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้เริ่มนับวาระ 8 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.2560 ซึ่งรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้
สิ่งที่จะตามมาคือ การเลือกนายกฯใหม่ ซึ่งจะไม่มีเสียง “พรรคส.ว.” 250 เสียงตามบทเฉพาะกาล มาร่วมโหวตเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เช่นนี้ จึงเป็นไปได้สูงที่ครึ่งหลัง จะเกิด “เกมพลิก” พลังประชารัฐ ไม่ได้เป็นรัฐบาล กลับกันอาจไปเข้าทางฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ในการยื่นไมตรีเพื่อเปิดดีลสลับขั้ว
ฉะนั้น จึงมีการจับตาไปที่รายชื่อ “แคนดิเดตนายกฯ” ของ พปชร.ที่รอบหน้าอาจไร้ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อาจเป็น “ตระกูล ป.” เวอร์ชั่น 2566
ตอกย้ำชัดด้วยความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง โดยเฉพาะ “รวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งถูกมองว่าจะเป็นบ้านหลังใหม่ในการปั้น “บิ๊กตู่” หวนคืนสู่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ว่ากันว่า ยามนี้รทสช.ถึงขั้นมีการเตรียมห้องทำงานของ “3 บิ๊ก” หนึ่งในนั้นคือพล.อ.ประยุทธ์ไว้ที่พรรคเรียบร้อยแล้ว
สอดคล้องท่าที “บิ๊กเนมพรรค” อย่าง "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" หัวหน้าพรรค ที่ล่าสุดเรียกเสียงฮือฮาด้วยการปรากฎตัวคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ คล้อยหลังจากที่ พปชร.ชูโมเดล “นายกฯไร้รอยต่อ” เพียง 1 วัน
ตอกย้ำด้วยคำให้สัมภาษณ์ของพีระพันธ์ุ ที่ไม่มีกั๊กว่า “ถ้าท่าน(พล.อ.ประยุทธ์)อยากจะมาทำงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ทางพรรคก็พร้อมที่จะต้อนรับ”
ฉะนั้น ต้องจับตาการเปิดตัวบิ๊กเนม ที่ว่ากันว่า จะเป็นระดับ “วีไอพี” ของพรรคร่วมไทยสร้างชาติ หลังการประชุมเอเปกในวันที่ 21 พ.ย. ถึงเวลานั้นก็น่าจะได้เห็นสัญญาณการเมืองที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สถานการณ์ใน “ขั้วอนุรักษ์นิยม” ยามนี้ ไม่เพียงแต่การช่วงชิงความได้เปรียบของบรรดาลูกหาบ “พี่น้องตระกูล ป.” ทั้งเวอร์ชั่น 1 และ 2 หวังผลไปถึง “สมการการเมือง” ในอนาคตเท่านั้น
หากแต่ยังรวมไปถึงรวมไปถึงสัมพันธภาพระหว่าง “พรรคร่วมรัฐบาล” ทั้ง “ภูมิใจไทย” และ “ประชาธิปัตย์” ที่ต่างเปิดวิวาทะสาดใส่กันไปมาแบบไม่มีใครยอมใคร
โดยเฉพาะ “ศึกกัญชา” ล่าสุดที่เป็นเสมือนปมร้อนของทั้ง 2 พรรคการเมือง
ฝั่ง “ประชาธิปัตย์” หยิบยกเหตุผลในเรื่องความ “สุดโต่ง” บางประการ ที่อาจนำไปสู่การตัดสินใจ“คว่ำร่าง พ.ร.บ.” ที่ค้างอยู่ในสภาฯ วาระ 2-3 ในท้ายที่สุด
ฟาก “ภูมิใจไทย” สวนหมัดกลับในเรื่องสัดส่วน กมธ.ที่มาจากหลากหลายภาคส่วน และพิจารณาอย่างรอบคอบ
ยิ่งไปกว่านั้น “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ยังหยิบยกเรื่อง “มารยาท” การเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ในการลงมติเห็นชอบร่วมกัน ผ่านวงประชุมวิปรัฐบาล
หรือแม้แต่ “ศุภชัย ใจสมุทร” ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ล่าสุดแม้จะบอกว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านขั้นตอนของพรรคไปแล้ว จากนี้ สุดแท้แต่สภาที่จะเป็นผู้พิจารณา
แต่ในคำให้สัมภาษณ์วันเดียวกัน “ศุภชัย” ดูเหมือนจะยื่นคำขาด พร้อมส่งสัญญาณกลายๆ ว่า “นี่(พ.ร.บ.กัญชา)มันกฎหมายสำคัญอย่างที่กล่าว ถ้าไม่ผ่าน มันก็อาจต้องยุบสภา หรือต้องลาออก”
ขณะเดียวกันร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่ค้างอยู่ในสภา ล่าสุด ยังทำท่าว่าจะลากยาวไปพิจารณาในช่วงปลายเดือน พ.ย. หลังประชุมเอเปก
ยิ่งไปกว่านั้น มีการมองว่า หากเกมในสภามีการงัดเทคนิคเพื่อให้พ.ร.บ.กัญชายื้อออกไปเรื่อยๆ เกิดอยู่ดีๆ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจประกาศยุบสภาหลังประชุมเอปกเท่ากับว่ากฎหมายกัญชาก็จะ "ค้างเติ่ง" อยู่ในสภา
เช่นนี้ย่อมเป็นการตอกย้ำถึงกลเกมการเมืองที่จะยิ่งทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
อย่างที่รู้กันว่า มวยคู่ “ภูใจไทย”และ “ประชาธิปัตย์” มีการตอบโต้กันอย่างดุเดือดมาตั้งแต่การเปิดตัวผู้ขุนพล เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งโดยเแพาะในพื้นที่ภาคใต้ อันเป็นพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 พรรค ต่างฝ่ายต่างสาดอาวุธกันแบบไม่ยั้ง
ขณะเดียวกัน ศึกครั้งนี้เป้าหมายของ "นายใหญ่ปราสาทหิน" เนวิน ชิดชอบ ไม่ใช่แค่การจับมือบางพรรคเพื่อรวมเสียงร่วมรัฐบาลเหมือนครั้งที่ผ่านมา
หากแต่ยังมีเดิมพันสูงไปถึงการดันภท. "สยายปีก" เป็นพรรคเกิน100 เพื่อชิงเกมจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ต้องง้อเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์เหมือนครั้งที่ผ่านมา
ไม่แปลกที่ในมุมของภท.จะเร่งเครื่องดันหลากหลายนโยบายทั้อันเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงในลักษณะของการโปรยยาหอม หวังผลไปถึงคะแนนนิยมพรรคในอนาคต
ต่างๆ เหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับ “สัญญาณ” ที่ส่งไปถึงหมุดหมายการเมืองที่รออยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะ “สูตรการเมือง” ที่ต้องจับตาหลังจากนี้
เมื่อ “ขั้วอนุรักษ์นิยม” ทั้งพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ไม่เว้นแม้แต่ภูมิใจไทย ต่างฝ่ายต่างมุ่งหมายในการเป็น “พรรคแกนนำ” จัดตั้งรัฐบาลด้วยกันทั้งสิ้น กลเกมหลังจากนี้ต้องจับตา!