“นริศ” ขอคนไทยร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับผู้นำ APEC หวังดึงดูดนักลงทุน

“นริศ” ขอคนไทยร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับผู้นำ APEC หวังดึงดูดนักลงทุน

“นริศ” ขอคนไทยร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับผู้นำ APEC หวังช่วยดึงดูดนักลงทุน กระตุ้นการท่องเที่ยว หลังวิกฤต COVID-19

นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก 2022 (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC 2022 Thailand) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ว่า การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพงานใหญ่ระดับโลกในครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ประเทศไทยจะได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

 

โดยเฉพาะภาคการเดินทางและการท่องเที่ยว หลังจากที่ซบเซามานาน เนื่องจากการประชุม APEC ครั้งนี้นับเป็นการประชุมระดับผู้นำของสมาชิกเอเปคแบบพบหน้ากันเต็มรูปแบบ (Full On-site) ครั้งแรกในรอบ 3 ปี ตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 และมีการประชุมคณะย่อยในระดับต่าง ๆ เช่น ผู้นำเขตเศรษฐกิจ, รัฐมนตรีการค้า, รัฐมนตรีคลัง, รัฐมนตรีสาขาอื่น ๆ , เจ้าหน้าที่อาวุโส เป็นต้น  มากกว่า 14 ครั้ง และแต่ละครั้งมีเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมมากกว่า 100 คน  ซึ่งทั้งหมดนี้จัดขึ้นภายในประเทศไทย

จึงส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลทั้งภาคการท่องเที่ยว บริการ และขนส่ง นอกจากนี้ เวที APEC ยังสามารถเป็นเวทีที่ประเทศไทยสามารถใช้ในการต่อรอง เจรจา พูดคุย และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศมหาอำนาจของโลกได้อีกด้วย

ในส่วนของการเตรียมการของรัฐบาลไทยนั้น นายนริศ กล่าวว่า รัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้มีการเจรจาและประชุมกับผู้นำระดับต่าง ๆ ของประเทศสมาชิก APEC มาโดยตลอด ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นการแสวงหาความร่วมมือ และประสานประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชนชาวไทยอย่างแน่นอน ส่วนที่มีการจับผิดหรือมุ่งโจมตีการทำงานของรัฐบาลในการจัดงานครั้งนี้ของพรรคฝ่ายค้าน

รวมถึงการเคลื่อนไหวของประชาชนบางกลุ่มที่จะมีการขัดขวางการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้น ตนมองว่า การประชุม APEC ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นโอกาสที่หาได้ยาก เพราะฉะนั้นประชาชนคนไทยทุกคนเสมือนเป็นเจ้าบ้านที่ดีที่ต้องให้การต้อนผู้นำประเทศต่าง ๆ ซึ่งถือล้วนแต่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก เพื่อเป็นการดึงดูดการลงทุน การท่องเที่ยว และการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะภาพลักษณ์ที่ออกไปคือหน้าเป็นตาของประเทศในสายตาชาวโลก ดังนั้น อยากให้ทุกคนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงจุดนี้ และมองข้ามความขัดแย้งทางการเมืองไปก่อน