"กมธ.ดีอีเอส" แนะพัฒนาระบบยืนยัน "ฝาก-ถอน" ด้วยสมาร์ทการ์ด
กมธ.ดีอีเอส เชิญ ป.ป.ง.-ปกครอง-ธปท.-สมาคมธนาคาร หารือปมใช้บัตรยืนยันฝาก-ถอนATM ชี้ควรใช้บัตรปชช. แนะสมาร์ทการ์ดควรทำได้ทุกอย่าง 4 หน่วยงานขอกลับไปคุย หวังบูรณาการร่วมกัน ให้กระทบสังคมน้อยที่สุด
น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ดีอีเอส ได้เชิญตัวแทนจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กรมการปกครอง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อหารือเรื่อง ขั้นตอนการฝากเงินผ่านเครื่องฝากและถอนอัตโนมัติ ที่จะต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต ซึ่งกมธ.ฯเห็นว่าเป็นเรื่องที่จะกระทบประชาชน เพราะอาจจะมีค่าบริการเพิ่ม โดยกมธ.ฯ ได้ตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่ใช้บัตรประชาชน ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดเพื่อยืนยันตัวตน โดย ป.ป.ง. ยอมรับว่าได้รับเรื่องร้องเรียนเช่นกัน โดยจะปรับปรุงรูปแบบเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน หรือกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด
น.ส.กัลยา กล่าวด้วยว่า ป.ป.ง. แจ้งว่าได้แจ้งเลื่อนการยืนยันตัวตนผ่านบัตรนั้นได้เลื่อนไปใช้ในเดือน มิถุนายน 2566 แล้ว โดยในระหว่างนี้จะศึกษาเรื่องการจัดทำระบบใหม่ โดยบูรณาการร่วมกันกับทั้ง กรมการปกครอง ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย เพราะที่ออกประกาศนั้นเพื่อป้องกันเกี่ยวกับการฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการพัฒนารูปแบบไปเรื่อยๆ และกฎหมายที่มียังไม่ครอบคลุมเรื่องการเปิดบัญชีม้ามากพอ โดยอาจจะออกเป็น พ.ร.ก. ก่อน เพราะหากจะทำเป็นพ.ร.บ.ต้องใช้เวลานาน นอกจากนี้ทางตัวแทนจากกรมการปกครอง ก็ขอไปดูเรื่องการพัฒนาบัตรเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียวสามารถทำธุรกรรมและติดต่อกับหน่วยงานต่างๆได้
"ทั้ง 4 หน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกันให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด อย่างสาร์ทการ์ดเองก็มีการใช้กันมานานแล้ว แต่ก็ยังพบปัญหาในการใช้ ไม่ครอบคลุมทุกหน่วยงาน ยังไม่เป็นสมาร์ทการ์ดอย่างแท้จริง ซึ่งพวกเขาก็ต้องไปหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์และใช้ได้อย่างครอบคลุม โดยกมธ.ดีอีเอส จะมีการเชิญทั้ง 4 หน่วยงานมาหารือถึงความคืบหน้าอีกครั้งก่อนใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้"น.ส.กัลยา กล่าว