ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม “สุชาติ” ปมถูกกล่าวหาทำร้าย “ส.จ.เปี๊ยก”
ถึงมือ “ศรีสุวรรณ” ลุยยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรม “สุชาติ ตันเจริญ” รอง ปธ.สภาฯ คนที่ 1 ปมถูกกล่าวหาทำร้ายร่างกาย “ส.จ.เปี๊ยก” รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา เผยแม้รับทราบข้อหา-เสียค่าปรับไปแล้ว แต่เรื่องจริยธรรมถือว่าร้ายแรง ขอให้ชงศาลฎีกาลงโทษ
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นตามกฎหมายกรณี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ถูกกล่าวหาว่าไป ทำร้ายร่างกาย รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ฉะเชิงเทรา ในงานฌาปนกิจศพวัดทุ่งส่อหงษา เป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีนี้สืบเนื่องจากวันที่ 26 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมามีพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิต ณ วัดทุ่งส่อหงษา หมู่ 11 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะที่ นายวรรณา รอดพิทักษ์ รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา หรือ “ส.จ.เปี๊ยก” ที่เป็นแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่งของงาน นั่งอยู่เก้าอี้รับแขกด้านหน้าเพื่อรอขึ้นไปทอดผ้าบังสุกุล ระหว่างนั้นนายสุชาติ ตันเจริญ เดินลงจากรถยนต์มาร่วมงานด้วย พอเห็น ส.จ.เปี๊ยก นั่งอยู่ก็เดินปรี่เข้ามาหาพร้อมพูดตำหนิด้วยเสียงดังพร้อมกับยกมือตบหัวส.จ.เปี๊ยกทันที 1 ครั้ง ถูกบริเวณกกหูด้านซ้าย เป็นการกระทำต่อหน้าประชาชนที่มาร่วมงานจำนวนมาก ทำให้วันต่อมา ส.จ.เปี๊ยกต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุชาติ ที่ สภ.สนามชัยเขต ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
กรณีดังกล่าวแม้นายสุชาติจะออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กและให้สัมภาษณ์ในลักษณะของการภาคเสธ แต่เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสุชาติ ตันเจริญ เดินทางไปที่ สภ.สนามชัยเขต เพื่อรับทราบข้อหาทำร้ายร่างกาย และให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา แสดงความจำนงขอเสียค่าปรับ 1 หมื่นบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการรับสารภาพและเสียค่าปรับ เป็นการยืนยันว่าได้กระทำความผิดจริง แม้จะเป็นคดีลหุโทษตามบทบัญญัติของกฎหมาย แต่ในทางจริยธรรมนั้น ไม่อาจยอมความกันได้ เพราะเป็นเรื่องที่ใหญ่หรือเหนือกว่ากฎหมาย เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของสังคม ผู้ที่มีตำแหน่งสูงหนึ่งในอำนาจอธิปไตยคือ ฝ่ายนิติบัญญัติ กลับกระทำตัวและแสดงพฤติกรรมอันมิถูกต้องเหมาะสมต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งอย่างชัดเจนเยี่ยงนี้ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหลายข้อ อาทิ ข้อ 6 ข้อ 12 ข้อ 13 ข้อ 15 ข้อ 17 ประกอบข้อ 23 ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
“สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ม.234(1) ประกอบ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 28(1) ดำเนินการไต่สวนและมีความเห็นว่าการกระทำหรือพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ หากวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อลงโทษ ตามครรลองของกฎหมายต่อไป” นายศรีสุวรรณ กล่าว