“ป๊อด-ตุ๊”หลังฉากดีล“มิ่งขวัญ” 4 ภารกิจ แลกบัญชีนายกฯ ?
แค่การเปิดตัววันแรก มือเศรษฐกิจคนใหม่ก็เซอร์ไพรส์ให้เสียหน้ากันทั้งพรรค การข้ามหัวทุกระดับในพรรค อาจกลายเป็นการสร้างศัตรูการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น จนหลายฝ่ายเริ่มลุ้นอนาคต“มิ่งขวัญ”ว่า จะอยู่กับพลังประชารัฐได้ถึงเลือกตั้งหรือไม่
ทำเอางุนงงกันทั้งพรรค เมื่อ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” แถลงเปิดตัว ข่าวเคียงข้าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค ด้วยการประกาศกลายๆ จ่อขึ้นแท่น 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ
พลังประชารัฐ โดยอ้างดีลเข้าพรรคที่ “บิ๊กป้อม” รับปาก จะเสนอเข้าสู่คณะกรรมการบริหาร
“มิ่งขวัญ” พกความมั่นใจมาจาก “บิ๊กเนม” ผู้อยู่หลังม่าน-หลังฉากพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด จึงหาญกล้าส่งสัญญาณท้ารบ “ขุนพล พปชร.” อย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
แต่หากคุ้ยลึกลงไปถึงเบื้องลึกเบื้องหลังการมาลงเองที่พรรคนี้ของมิ่งขวัญ เริ่มต้นจากการชักชวนของเครือข่ายคนใกล้ชิดของบิ๊กป้อมนั่นเอง
ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็น "พล.ต.ต.จตุรงค์ ภุมรินทร์" สายตรงทีมบ้านป่ารอยต่อ ซึ่งสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
โดยในช่วงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. ได้เลือก พล.ต.ต.จตุรงค์ มานั่งเก้าอี้ ผบก.สท. คุมงาน กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหลังการเลือกตั้ง พล.ต.ต.จตุรงค์ ก็ยังช่วยงาน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อยู่บ้าง กระทั่งได้มารู้จักมักคุ้นกับ “มิ่งขวัญ” ในช่วงที่ร่วมงานฝ่ายค้าน
นั่นจึงเป็นจุดเชื่อม ที่ พล.ต.ต.จตุรงค์ เปิดดีลกับ “มิ่งขวัญ” โดยพูดคุยถึงการรีแบรนด์พรรคพลังประชารัฐ จนกระทั่ง “มิ่งขวัญ” มีโอกาสขายไอเดียการตลาดการเมืองกับ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายบิ๊กป้อมโดยตรง
จากนั้น “บิ๊กป๊อด พัชรวาท” จึงเจรจากับพี่ชาย เพื่อให้พี่ป้อมสนใจแนวคิดของ “มิ่งขวัญ” ในวันที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไปแล้ว นั่นจึงเป็นการเปิดช่องให้ “มิ่งขวัญ” เดินเข้าพรรคพลังประชารัฐได้อย่างง่ายดาย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เส้นทางการเมืองของมิ่งขวัญ เริ่มสะดุด หลังจากประกาศจะตั้งพรรคโอกาสไทย และไปดีลกับพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ของดำรงค์ พิเดช จนเปลี่ยนชื่อพรรคตามข้อเสอนมิ่งขวัญ แต่ก็เงียบหายไปกับกระแส
ก่อนปิดดีลได้ที่พรรคพลังประชารัฐ มิ่งขวัญเองก็พยายามเปิดดีลกับพรรคเล็กหลายพรรค โดยมีเงื่อนไขต้องว่า ต้องมีอำนาจในการบริหารจัดการพรรค บรรดากรรมการบริหารพรรคเก่า ต้องไม่เข้ามามีอิทธิพล หรือมีส่วนร่วมกับพรรค ที่สำคัญต้องยกตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ และต้องเสนอชื่อเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทิศทางการเมืองมิ่งขวัญ ที่มีจุดยืน ต้องมีบทบาทในการนำเช่นนี้ เมื่อเข้ามายังพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังมีแกนนำบ้านใหญ่อยู่อีกหลายกลุ่ม หลายก๊ก ดังนั้นโอกาสที่จะเปิดศึกแย่งชิงการนำกับ “ขุนพลเก่า” เหล่านี้ ย่อมเป็นไปได้สูง
โดยเฉพาะเป้าหมายของมิ่งขวัญ ที่ต้องการเข้าไปรื้อระบบการบริหารงานภายในพลังประชารัฐเกือบทั้งหมด เพื่อรีแบรนด์พรรคให้กลับมาติดตลาดการเมือง
เป้าหมายแรก คือ การรื้อทีมประชาสัมพันธ์ของพรรค ซึ่งมี “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. รับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์ในโซเชียลมีเดีย นั่งขวางลำอยู่ ซึ่ง บิ๊กแป๊ะเองก็จัดอยู่ในระดับ "น้องรัก" ของ พล.อ.ประวิตร จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่มิ่งขวัญจะทะลุทะลวงเข้าไปได้ง่าย
เป้าหมายสอง วางแผนเดินสายพบปะสื่อมวลชนในฐานะแกนนำพลังประชารัฐ โดยวางสถานะเป็น “เบอร์หนึ่ง” ของพรรค ที่ต้องเป็นให้ข้อมูลสื่อเป็นหลัก และคอนโทรลการสื่อสารของพรรค เป็นไปในทิศทางที่กำหนดเอาไว้
เป้าหมายสาม "เข้าไปมีส่วนร่วมกับการบริการจัดการงบประมาณ" ซึ่งอยู่ในความดูแลของ “ดร.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
เป้าหมายสุดท้าย “มิ่งขวัญ” เสนอตัวเองเป็นเบอร์หนึ่ง ที่จะเป็นตัวแทน "ดีเบต" ทุกเวทีในการหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ
“มิ่งขวัญ” ยังคงใช้ผลงานความสำเร็จของพรรคเศรษฐกิจใหม่ จากการเลือกตั้งปี 2562 ที่แบรนด์ของตัวเอง ได้ส.ส.มาถึง 6 ที่นั่ง เพื่อการันตีมูลค่าการเมืองให้กับตัวเอง
มาถึงจุดนี้ แม้มิ่งขวัญจะอาศัยสายตรง “ทีมป่ารอยต่อ” กรุยทางพาตัวเองเข้าพรรคใหญ่ได้ จน “ขุนพลพปชร.” เกรงอกเกรงใจ แต่อาจลืมไปว่า แม้ พปชร.จะก่อตั้งมาได้เพียง 4 ปีกว่า แต่ที่นี่ก็เป็นศูนย์รวมนักการเมืองเขี้ยวลากดิน และบางส่วนก็เคยร่วมงานกับมิ่งขวัญในพรรคเพื่อไทยมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่มิ่งขวัญจะฝ่าด่านในการเข้ามาบริหารจัดการในพรรคได้ง่ายๆ
หากย้อนเส้นทาง “มิ่งขวัญ” ที่ถูกแซะในวงการเมืองเปรียบเป็นคนใฝ่สูง ก็เนื่องมาจาก เมื่อครั้งสังกัดพรรคเพื่อไทย เตรียมตัวลงสู้ศึกเลือกตั้งปี 2554 ได้พยายามตั้งกลุ่ม สนับสนุนตัวเอง เพื่อต่อรองตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก “ทักษิณ ชินวัตร” หลังโชว์ผลงานเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ซักฟอกรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ครั้งนั้น ก็ทำให้ มิ่งขวัญมีแฟนคลับส่วนตัว ขณะที่คนรอบข้าง ที่มีทั้งหวังดี และประสงค์ร้าย ยุยงให้เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จนเจ้าตัวขอเปิดโต๊ะเจรจาเรื่องนี้กับ “ทักษิณ” แต่สุดท้ายแล้ว เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ “ทักษิณ”เลือกน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ด้วยกระแสแลนด์สไลด์ของจริง
ส่วน “มิ่งขวัญ” ที่แม้จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับ 6 แต่สุดท้าย กลับไม่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นการตอบแทน จึงต้องเก็บของออกจากเพื่อไทยในที่สุด
การก้าวเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐของ “มิ่งขวัญ”ครั้งนี้ หมุดหมายดูไม่ต่างจากเมื่อครั้งยังมีอำนาจในพรรคเพื่อไทย ที่ยังมีความกระหายที่จะเป็น “เบอร์หนึ่ง” ทางการเมือง
การชงตัวเองขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะรู้สถานการณ์ว่า “บิ๊กเนมพปชร.” หลายคนไม่พอใจ แต่เชื่อว่า “มิ่งขวัญ”เองก็คงขบคิดมาก่อนแล้วว่า สถานการณ์ของตัวเองได้เปรียบ เพราะจุดอ่อนของ พปชร.คือไร้มือเศรษฐกิจ ที่ทุกพรรคต้องประชันกันในสนามเลือกตั้งรอบนี้
แค่การเปิดตัววันแรก มือเศรษฐกิจคนใหม่ก็เซอร์ไพรส์ให้เสียหน้ากันทั้งพรรค การข้ามหัวทุกระดับในพรรค อาจกลายเป็นการสร้างศัตรูการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น จนหลายฝ่ายเริ่มลุ้นอนาคต“มิ่งขวัญ”ว่า จะอยู่กับพลังประชารัฐได้ถึงเลือกตั้งหรือไม่