“ก้าวไกล” เปิดนโยบายปฏิรูปราชการ-ตร. “พิธา” ชี้ชนะทุจริตด้วยระบบโปร่งใส
“ก้าวไกล” เปิดนโยบายปฏิรูปราชการทั้งระบบ ชูวิสัยทัศน์ “ราชการเพื่อราษฎร” “พิธา” สวน “ประยุทธ์” ต้องชนะทุจริตด้วยระบบที่โปร่งใส ไม่ใช่พึ่งคนดี เปิดข้อมูลรัฐทันที-สร้างระบบจับโกงอัจฉริยะ จัดชุดใหญ่ปฏิรูปตำรวจ ประชาชนร่วมประเมิน เลิกบังคับผมเกรียน
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2565 ที่อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 พรรคก้าวไกลแถลงนโยบาย “ราชการไทยก้าวหน้า” ครอบคลุมทั้ง นโยบายต้านโกง เพิ่มประสิทธิภาพราชการ และปฏิรูปตำรวจ ซึ่งนับเป็นชุดนโยบายที่ 4 จากทั้งหมด 9 ชุด ต่อจาก “การเมืองไทยก้าวหน้า – สวัสดิการไทยก้าวหน้า – ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า”
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้ตรงกับวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล พรรคก้าวไกลจึงถือโอกาสเปิดนโยบาย “ราชการไทยก้าวหน้า” ที่มีหัวใจสำคัญคือ “ราชการเพื่อราษฎร” ซึ่งรวมถึงนโยบายต่อต้านการทุจริตทั้งระบบ โดยพรรคก้าวไกลไม่ได้มองปัญหาคอร์รัปชันอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะประสิทธิภาพของระบบราชการ และการปฏิรูปตำรวจ เพราะหากบริการภาครัฐมีความล่าช้าและเต็มไปด้วยกฎระเบียบ-ใบอนุญาต จะเป็นการเปิดช่องให้มีการเรียกสินบนจากประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อแลกมาซึ่งความสะดวก รวมถึงต้องปฏิรูปตำรวจ เพื่อขจัดระบบตั๋วและระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้ตำรวจต้องมารีดไถประชาชน เอาเงินส่งนาย
นายพิธา กล่าวอีกว่า ในเรื่องความโปร่งใส ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทย แย่ลงอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตกลงจากอันดับที่ 85 มาอยู่ที่ 110 ซึ่งทำให้ต้นทุนชีวิตของคนไทยจำนวนมาก ตั้งแต่เกิดจนแก่ วนเวียนอยู่กับการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น ในวัยเด็ก พ่อแม่อาจต้องจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะเพื่อให้ลูกได้เข้าโรงเรียน ในวัยทำงาน จะเปิดร้านอาหารก็ต้องขอใบอนุญาตหลายสิบใบ งบที่จะนำมาสร้างสวัสดิการก็รั่วไหลไปกับการทุจริตงบประมาณ ดังนั้น ขอยืนยันว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องใหญ่
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ต้องไม่ใช่การหวังพึ่งแค่การปลูกฝังจิตสำนึก-จริยธรรมในการต่อต้านการโกง หรือ การมอบศรัทธาทั้งหมดไว้ให้กับ “คนดี” มาปกครองบ้านเมืองเหมือนที่ผ่านมา แต่ต้องเป็นการทำให้รัฐโปร่งใสกว่าที่เคยเป็นมา ทุกคนตรวจสอบทุกคนได้ด้วยอาวุธใหม่ๆ ที่ประเทศไม่เคยมี เพื่อวางระบบที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
“ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะไม่ยอมให้คนไทยถูกโกง โดยสิ่งที่ทำได้ทันทีในฐานะนายกรัฐมนตรี คือการเปิดเผยข้อมูลรัฐทันที เปิดเผยงบประมาณทุกบาทให้ละเอียดในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ (machine readable) รวมถึงเปิดข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ทุกคนถูกตรวจสอบโดยทั้งประชาชนและระบบจับโกงอัจฉริยะที่จะแจ้งเตือนเมื่อมีโครงการส่อทุจริต เราเชื่อว่าประชาชนพร้อมตรวจสอบเรา และพวกเรานักการเมือง-ข้าราชการ ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบเช่นกัน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
นายพิธา กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น รัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลจะนำเสนออีก 2 โครงการต้านโกง คือ
- โครงการ “คนโกงวงแตก” หรือ leniency programme เพื่อจูงใจให้คนที่คิดจะโกง เกิดความระแวงกันเองจนไม่มีใครกล้าโกง เพราะมีการออกกฎผ่อนผันโทษ ให้ใครที่มอบตัวและแฉกันเองก่อน
- โครงการ “แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน” เพื่อสร้างสังคมต้านโกง ด้วยกฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยและความก้าวหน้าทางอาชีพให้กับเจ้าหน้าที่ที่แฉการทุจริตในหน่วยงาน (whistleblower protection) รวมถึงการเพิ่มเงินรางวัลให้ประชาชนที่แจ้งเบาะแส
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องประสิทธิภาพภาครัฐ ข้อมูลของธนาคารโลกแสดงให้เห็นว่าตลอด 8 ปี ในช่วงที่ภาครัฐมีขนาดใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพภาครัฐกลับลดลง บริการภาครัฐหลายส่วนล่าช้า-ยุ่งยาก ทำให้ภาระตกอยู่กับประชาชน ดังนั้น ถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลและพิธาเป็นนายกฯ เรื่องแรกที่จะทำคือการทำให้บริการภาครัฐอย่างน้อย 99% ทำได้ผ่านมือถือ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาประชาชน และจะช่วยให้ข้อร้องเรียนไม่เงียบหาย มีการอัปเดตความคืบหน้าทุกขั้นตอน และมีฐานข้อมูลที่ช่วยให้โอนสวัสดิการให้ประชาชนได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน นอกจากนั้น ก้าวไกลจะเดินหน้ายกเลิกทุกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชน ยกเลิกใบอนุญาตที่ซ้ำซ้อน 50% และปรับกระบวนการทำงานให้ประชาชนรู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน โดยหากหน่วยงานของรัฐ พิจารณาใบอนุญาตเกินกำหนด ให้ถือว่าคำขออนุญาตนั้น มีผลบังคับใช้เหมือนใบอนุญาตทันที
ในส่วนของการปฏิรูปตำรวจ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายปฏิรูปตำรวจว่า ปัจจุบันมีการสร้างระบบเส้นสาย ตั๋วตำรวจ ตั๋วช้าง ทำให้ตำรวจไม่สนใจการสืบสวนคดีหรือทำงานที่เป็นของตำรวจจริงๆ แต่กลับไปรีดไถ รับสินบน ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บ่อนการพนัน และการค้ามนุษย์ แม้ว่ารัฐสภาเพิ่งจะผ่าน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งระบบเดิมๆ ที่เอื้อให้กลับสู่การทุจริตอีกครั้ง
พรรคก้าวไกลจึงเสนอนโยบายตำรวจของประชาชน โดยปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน ทั้งใน ‘ระดับประเทศ’ ที่จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ส่วนใหญ่มีที่มาผ่านผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล คอยป้องกันการใช้เส้นสาย ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องทำงานอยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา และใน ‘ระดับจังหวัด’ จะมี “คณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด” ซึ่งองค์กรท้องถิ่นและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สามารถลงมติว่าจะเห็นชอบนายตำรวจที่ ก.ตร. ตั้งขึ้นมาเป็นผู้บังคับการจังหวัดนั้นๆ หรือไม่ และช่วยประเมินคุณภาพการทำงานของตำรวจในจังหวัด ส่วนเรื่องการตรวจสอบ พรรคก้าวไกลเสนอให้มีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระแยกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างเด็ดขาด ทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรวจโดยขึ้นตรงต่อรัฐสภาและมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ยึดโยงกับประชาชน เพื่อขจัดปัญหาประโยชน์ทับซ้อนของตำรวจที่อาจช่วยเหลือกันเอง และเปิดให้ตำรวจน้ำดีภายใน สตช. ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสการทุจริตได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเสนอเปิดให้นายตำรวจชั้นประทวนที่จบการศึกษาปริญญาตรีได้สิทธิเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรก่อนกลุ่มอื่น เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาตำรวจรุ่นหลัง เปิดรับคนทุกเพศเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ ผลักดันให้มีตำรวจหญิงทุกโรงพักเพื่อเป็นพื้นที่อุ่นใจสำหรับเหยื่อผู้ถูกคุกคามทางเพศ ยกเลิกการบังคับตำรวจตัดผมเกรียน เปลี่ยนการฝึกสอนตำรวจเหมือนแบบทหาร มาเป็นการอบรมด้านสิทธิมนุษยชนและและคุณค่าของการอยู่ร่วมกันในสังคม ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้เลือกพรรคก้าวไกล แล้วตำรวจไทยจะไม่สิ้นหวังเหมือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังนำเสนอนโยบายต่อต้านการทุจริตเพื่อสร้างความโปร่งใส โดยปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนโยบายปฏิรูประบบราชการด้านประสิทธิภาพ โดยณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางแค
สำหรับชุดนโยบาย “ราชการไทยไทยก้าวหน้า” ของพรรคก้าวไกล แบ่งเป็น 3 ด้าน มีทั้งหมด 23 นโยบาย ได้แก่
- “รัฐโปร่งใส ไร้กลโกง ทุกคนตรวจสอบได้”
1. เปิดข้อมูลรัฐทันที ประชาชนเป็นเจ้าของ
2. ระบบจับโกงอัจฉริยะ
3. โครงการ “คนโกงวงแตก” จูงใจให้คนที่คิดจะโกง ระแวงกันเอง
4. โครงการ “แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน”
5. ตัวแทนจับโกงจากประชาชน
6. ห้ามใช้เงินหลวง โปรโมทตัวเอง
7. ป.ป.ช. ยึดโยงประชาชน
- “ข้าราชการทำงานฉับไว คุ้มค่าภาษีประชาชน”
1. ทุกบริการภาครัฐ ผ่านมือถือ
2. ร้องเรียนไป ต้องไม่เงียบ อัพเดททุกขั้นตอน
3. สวัสดิการโอนเข้าอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน
4. ยกเลิกใบอนุญาต 50% ยกเลิกทุกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค
5. รู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน
6. ยกเครื่องประเมินข้าราชการ ทำงานดี ข้าราชการได้ดี ประชาชนได้ดี
7. ปลดล็อกส่วนกลาง ข้าราชการทีมไทยแลนด์ ทลายกำแพงระหว่างกระทรวง-กรม
8. งบประมาณปรับทันใจ จัดทำใหม่จากศูนย์ในทุกๆปี (zero-based budgeting)
- “ตำรวจของประชาชน พิทักษ์สันติราษฎร์”
1. ผบ.ตร. ยึดโยงประชาชน ผ่านสภาผู้แทนราษฎร
2. ผู้ตรวจการตำรวจ ประชาชนมีช่องทางร้องเรียนตำรวจได้
3. จังหวัด-ตำรวจ ร่วมรับใช้ประชาชน
4. เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรม ปราศจากตั๋ว-เส้นสาย
5. ลดภาระพนักงานสอบสวน แบ่งงานให้ตำรวจสายอื่น
6. ตำรวจหญิงทุกสถานี เติบโตเป็น ผบ.ตร. ได้
7. คืนผมให้ตำรวจ ไม่บังคับเกรียน
8. คุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีตำรวจทุกระดับ