"ประยุทธ์" วางตัว "พีระพันธุ์" นายกฯ น้อย คู่กาย เดินหน้า "รทสช." เลือกตั้ง
อีกไม่ช้าไม่นานนับจากนี้ เส้นทางของพล.อ.ประยุทธ์ และพีระพันธุ์ กำลังมุ่งหน้าไปบรรจบกันที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ค่อนข้างแน่ เหลือแค่เพียงจังหวะเปิดตัวภายใต้บริบทใหม่ในทางการเมือง เพื่อหวนคืนสู่อำนาจหลังการเลือกตั้งเท่านั้น
รูปแบบการเดินเกมการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แม้จะผิดคาดอยู่บ้างตรงที่ นายกฯ ไม่แต่งตั้ง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ร่วมคณะรัฐมนตรีในครั้งที่ผ่านมา
แต่การเตรียมวางตัวพีระพันธุ์ ให้นั่งตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็นับเป็นสัญญาณว่าคนคนนี้ คือผู้ที่พล.อ.ประยุทธ์ ไว้วางใจอย่างมาก
ด้วยบทบาทของเลขาธิการนายกฯ ที่เปรียบเสมือนนายกฯ น้อย ติดตามนายกฯ ไปทั่วทุกที่คอยช่วยคิดวางรูปแบบทั้งงานการบ้าน การเมือง คอยสแกนอะไรต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับเรื่องความถูกต้องของกฎหมายมาตลอด
การได้พีระพันธุ์ ที่นับเป็นมือกฎหมายคนสำคัญของรัฐบาล จึงนับว่าตอบโจทย์พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งผลงานล่าสุด ก็คือการเป็นมือเขียนคำชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี นั่นเอง
หลายภารกิจที่พีระพันธุ์ ได้รับมอบหมายให้สะสางปัญหาใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้ เช่น เข้าไปแก้ปัญหาเรื่องค่าโง่โฮปเวลล์ แก้ปัญหาในการบินไทย หรือแม้แต่กรณีเหมืองทองอครา เป็นต้น และยังได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ตามดำริของพล.อ.ประยุทธ์ อีกด้วย
ตรงนี้ก็พอจะสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า นายกฯ ถูกใจฝีไม้ลายมือพีระพันธุ์ เพียงใด
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของส.ส.หลายพรรคการเมือง ที่เตรียมย้ายไปร่วมงานกับรวมไทยสร้างชาติ และบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ต่างก็มีโอกาสพบปะพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ เป็นการส่วนตัวหลายครั้ง กลุ่มนั้นที กลุ่มนี้ที ในเซฟเฮ้าส์ของพล.อ.ประยุทธ์ ตลอดช่วง1-2 เดือนที่ผ่านมา
นับรวมๆแล้ว ตัวเลข ส.ส. ที่ทยอยพบปะนายกฯ เพื่อการันตีว่าพร้อมมาร่วมสู้ศึกเลือกตั้งด้วยประมาณ 40 ชีวิต และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอีก โดยส่วนใหญ่ ถือว่ามีความเข้มแข็งในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคใต้
อีกไม่ช้าไม่นานนับจากนี้ เส้นทางของพล.อ.ประยุทธ์ และพีระพันธุ์ กำลังมุ่งหน้าไปบรรจบกันที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ค่อนข้างแน่ เหลือแค่เพียงจังหวะเปิดตัวภายใต้บริบทใหม่ในทางการเมือง เพื่อหวนคืนสู่อำนาจหลังการเลือกตั้งเท่านั้น