"ชัยชาญ" แจงสภาฯ หาสาเหตุ ร.ล.สุโขทัย อับปางไม่ได้-นายกฯสั่งดูแลกำลังพล

          ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงกระทู้ถามสด นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา กรณี เรือรบหลวงสุโขทัยอับปาง   โดยตั้งข้อสังเกตถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ถึงไทม์ไลน์การเกิดเหตุเรือล่ม อุปกรณ์ช่วยชีวิต ความพร้อมใช้งานและการซ่อมบำรุงของเรือรบหลวงสุโขทัย รวมถึงภารกิจสำคัญอะไรที่ถึงขนาดต้องนำเรือรบออกไปฝ่าคลื่นมรสุม ได้มีการตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตินิยมวิทยาหรือไม่ ทั้งยังสอบถามถึงผู้รับผิดชอบที่ลงนามหนังสือให้เรือรบออกไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงชีวิต 

             โดย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงโดยยอมรับว่า ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ทั้งนี้เหตุที่เกิดเมื่อ 18 ธันวาคม และมีรายงานถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ได้สั่งให้กองทัพเรือแก้ไขสถานการณ์ ควบคุมเรือ และดูแลความปลอดภัยของกำลังพลกองทัพเรือที่ปฏิบัติภารกิจ 

         "สภาพอากาศมีความรุนแรง มีน้ำเข้าเรือและเข้าเครื่องจักรใหญ่ ทำให้หยุดทำงาน ทำให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้  สำหรับการช่วงเหลือ ได้สั่งให้เรือรบหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือรบหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ 105 คน มีการขนกำลังพลไปอยู่ที่กาบเรือ เพื่อขึ้นเรือที่เข้าไปช่วยเหลือ กำลังพลได้ขึ้นเรือได้ 75 คน ทำให้ส่วนที่เหลืออีก 30 นาย ไม่สามารถขึ้นเรือได้ ภายหลังขนหาเจอ 7 ราย โดย 6รายเสียชีวิต และ1รายมีชีวิตอยู่" พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจง

         พล.อ.ชัยชาญ กล่าวด้วยว่าสำหรับการดูแลกำลังพล และอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่ามีความพร้อมและครบกำลังพลหรือไม่ ได้สั่งให้ตรวจสอบและชี้แจงกับสังคมแล้ว อย่างไรก็ดีเรือรบหลวงสุโขทัย มีการซ่อมบำรุง เมื่อ ปี61-63 และรับกลับมาปี64 งบประมาณซ่อมบำรุงที่กองทัพเรือได้รับ โดยเฉพาะกับการซ่อมบำรุงเรือ เฉลี่ยปีละ 1,300 ล้านบาท สำหรับปี66 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 1,800 ล้านบาท ทั้งนี้ อายุการใช้งานเรือของกองทัพเรือเฉลี่ยส่วนใหญ่เกิน30 ปีขึ้นไป ส่วนอายุเรือรบหลักๆอยู่ที่ 40 ปี ฉะนั้น สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรืออับปางต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง อีกครั้ง สำหรับภารกิจของเรือรบหลวงสุโขทัย คือ ภารกิจลาดตระเวน

         ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าช่วงกระทู้ถามสด นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งถามในประเด็นเดียวกันแต่ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีเครื่องยนต์ดับ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกับที่ใช้ในเครื่อง กำเนิดไฟฟ้า เอ็มทียู ซึ่งเป็นเรื่องรุ่นเดียวกับที่จะใส่ในเรือดำน้ำลำแรก ที่กำลังต่ออยู่ในประเทศจีน หากกองทัพเรือคิดจะใช้อาจเกิดความสูญเสียได้ พร้อมถามถึงการติดตามสถานการณ์ที่ไม่พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปเยี่ยมกำลังพล 

           โดย พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า  เรือดำน้ำและเครื่องบนเอ็มทียู เป็นเครื่องที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้กองทัพเรือยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นเอ็มทียูของจีน เนื่องจากอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดของคณะกรรมการถึงรายละเอียด ประสิทธิภาพของเครื่อง และวางแผนไปดูถึงโรงงานผลิต ขีดความสามารถ เพื่อมาวิเคราะห์อีกครั้ง โดยจะต้อได้เครืองทีมีประสิทธิภาพสูงสุดมาใช้ในเรือดำน้ำได้ โดยในช่วงเดือน ม.ค.หรือเม.ย. 66 จะเดินทางถึงแหล่งผลิต เพื่อดูมาตรฐาน การดำเนินงาน ที่สำคัญเครื่องที่ผลิดโดยประเทศจีนอาจจะต้องใช้ในยุทโธปกรณ์ของจีนด้วย

           "กองทัพเรือยึดถือประโยชน์ ความปลอดภัยของกำลังพลสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยืนยันว่าจะต้องใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด  ส่วนกรณีการไปเยี่ยมกำลังพลและติดตามสถานการณ์  ตั้งแต่วันเกิดเหตุก็ได้รายงานไปถึงนายกฯ และท่านได้ติดตามและสั่งการตลอดให้ดูแลโดยเฉพาะเรื่องชีวิตและความปลอดภัยกำลังพลของกองทัพเรือทุกคน โดยมอบหมายให้ตนไปติดตามสถานการณ์และเยี่ยมครอบครัวกำลังพล และช่วยเหลือ นอกจากนั้นนายกฯได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเข้าไปดำเนินการ และเร่งค้นหากำลังพลทั้ง 23 คนให้พบโดยเร็ว" พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจง