ป.ป.ช.เกมอำนาจ “2 ป.” “ประยุทธ์”รุกแดน“ประวิตร”
เมื่อ“ป.ป.ช.”แม้จะเป็นองค์กรอิสระแต่ถูกครหาว่านำมาใช้ขับเคลื่อนเกมการเมือง ต้องรอจับตาว่า “ประยุทธ์”จะรุกกินแดน “ประวิตร”ได้มากน้อยเพียงใด
พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ หายใจโล่ง ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตัดจบคดีข้าวจีทูจีล็อต 2 และคดีมันสำปะหลังจีทูจี โดยไม่ชี้มูลความผิด “วีไอพี” ของทั้งสองพรรค
คดีข้าวจีทูจี “ป.ป.ช.” มีมติไม่ชี้มูลความผิด “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เนื่องจาก “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรกมาแล้ว
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขณะนั้น มีมติไม่แจ้งข้อกล่าวหา ดังนั้นการนำบุคคลทั้ง 3 รายมาแจ้งข้อกล่าวหา และพิจารณาอีกครั้ง เข้าข่ายไม่ชอบด้วยข้อกฎหมาย และเป็นการฟ้องซ้ำ
ที่สำคัญ “ป.ป.ช.” มองว่าข้อกล่าวอ้างของ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรมว.พาณิชย์ กรณีเทปบันทึกการสนทนาลับที่โรงแรมชื่อดัง ระหว่าง “ทักษิณ” ที่โฟนอินเข้ามาหา “บุญทรง-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา” เพื่อสั่งการระบายข้าวจีทูจีนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างของ “บุญทรง” และไม่มีเทปลับบทสนทนาดังกล่าวอยู่จริง จึงไม่มีพยานหลักฐานใหม่
คดีดังกล่าว “ป.ป.ช.” มีมติไม่ชี้มูลความผิดด้วยมติ 6 ต่อ 1 โดยมี “สุภา ปิยะจิตติ” กรรมการป.ป.ช. อยู่ในเสียงข้างน้อยเพียงคนเดียว
ส่วนคดีมันสำปะหลังจีทูจี 3 สำนวน 1.กรณีกล่าวหา พรทิวา นาคาศัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก 2.กรณีกล่าวหา บุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก 3.กรณีกล่าวหา ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กับพวก
“ป.ป.ช.” มีมติ 5 ต่อ 2 ไม่ชี้มูลความผิดสำนวนของ “พรทิวา” และสำนวนของ “ไตรรงค์” โดยมี “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” ประธาน ป.ป.ช. และ “สุภา ปิยะจิตติ” กรรมการ ป.ป.ช. เป็นเสียงข้างน้อย
โดยให้เหตุผลว่า การพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวของเจ้าของสำนวน อาจไม่สอดรับกับข้อเท็จจริงในประเด็นอำนาจหน้าที่ของ “ไตรรงค์-พรทิวา” ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด เพราะหากตีความแบบนี้อาจจะบิดเบือนมติ ครม.ที่เคยออกไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อดูจากการลงมติชี้มูล-ไม่ชี้มูล ทุกสายตาจับจ้องไปที่ท่าทีของ “พล.ต.อ.วัชรพล” เพราะรับรู้กันดีว่าเป็นสายตรง “บ้านป่ารอยต่อฯ” แถมมีกระแสข่าวหนาหู “บ้านป่ารอยต่อฯ” เปิดดีลกับ “คนแดนไกล” โดยมีเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
เพราะหากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีข้าวจีทูจีล็อตสอง อาจจะนำมาสู่การร้องให้ยุบ “พรรคสีแดง” ได้ในภายหลัง เนื่องจากมีความเชื่อมโยงว่า “คนแดนไกล” แทรกแซงการทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งจะกระทบกับ “พรรคสีแดง” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นเมื่อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” รอดพ้นจากคดีข้าวจีทูจีล็อตสอง สามารถการันตีได้ว่า ส.ส. ไม่ต้องหวั่นไหวกับปม “ยุบพรรค” ตามที่มี “มือมืด” ปล่อยข่าวเขียนเสือให้วัวกลัว หวังต้อน ส.ส.เพื่อไทย เข้าพรรค
เช่นเดียวคดีมันสำปะหลังจีทูจี ทุกสายตาโฟกัสไปที่สำนวนของ “ไตรรงค์” ในฐานะที่เปิดตัวชัดเจนว่าจะร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จะโดนหางเลขฐานที่เป็นกองหนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทว่ามติ 5 ต่อ 2 เมื่อชำแหละมติจะพบว่า “พล.ต.อ.วัชรพล” อยู่เสียงข้างน้อย โดยมีความเห็นให้ชี้มลความผิด “ไตรรงค์” ซึ่งถูกมองว่าการออกมติดังกล่าวโดนใจ “บ้านป่ารอยต่อฯ”
อย่างไรก็ตาม ขุมอำนาจภายใน ป.ป.ช. กำลังเปลี่ยนทิศ เมื่อ “ทีมประยุทธ์” พยายามหาทางเพิ่มเสียงใน ป.ป.ช. โดยให้จับตาการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. 2 คน แทน “พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์” และ “ณรงค์ รัฐอมฤต” กรรมการป.ป.ช. ที่จะพ้นจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้
โดยมีกระแสข่าวว่า “ทีมประยุทธ์” เปิดดีลกับ “บิ๊กตำรวจ” ให้เดินสายรวบรวมเสียงใน ส.ว. ล็อกเป้าบางรายชื่อที่เข้าสมัคร เพื่อผลักดันให้นั่งเก้าอี้ กรรมการ ป.ป.ช. เพิ่มเสียง “ทีมประยุทธ์” ให้มีมากกว่า “ทีมประวิตร” คุมเกมอำนาจการตรวจสอบ ให้คุณให้โทษ “นักการเมือง”
เมื่อ“ป.ป.ช.”แม้จะเป็นองค์กรอิสระแต่ถูกครหาว่านำมาใช้ขับเคลื่อนเกมการเมือง ต้องรอจับตาว่า “ประยุทธ์”จะรุกกินแดน “ประวิตร”ได้มากน้อยเพียงใด