"เท่าพิภพ" ชี้ "ประยุทธ์" ไม่ป๊อปเหมือนเก่า เย้ย รทสช.ได้ 5 ส.ส.ก็เก่งแล้ว
"เท่าพิภพ ก้าวไกล" ออกโรงชี้ "ประยุทธ์" ไม่ป๊อปปูล่าร์เหมือนเก่า เย้ย "รวมไทยสร้างชาติ" ได้ ส.ส. 5 คนก็เก่งแล้ว เชื่อข้าราชการเป็นนกรู้ ไม่ทำตามนายสั่ง เหตุกลัวถูกเช็คบิลย้อนหลัง
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2565 นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะทำให้ ส.ส.ย้ายไปสมัครเข้าพรรค จนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ของพรรคก้าวไกลหรือไม่ว่า คิดว่าต้องดูเป็นพื้นที่ไปเพราะพล.อ.ประยุทธ์ ยังมีคนชอบอยู่ แต่คนไม่ชอบก็อาจจะมากอยู่เช่นกัน ส.ส.ภาคใต้บางคน อาจจะคิดว่ากระแสพรรค รทสช. จะช่วยให้กลับมาเป็น ส.ส.อีกครั้ง แต่คะแนนใน กทม. ของ พล.อ.ประยุทธ์อาจจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะการบริหารงานไม่ตอบโจทย์ประชาชนส่วนใหญ่และเกิดความผิดพลาด แต่คิดว่ายังมีคนก้มหน้าก้มตารักอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีคะแนน แต่ต้องมีปัจจัยอื่นด้วยหรือไม่ที่จะทำให้นักการเมืองย้ายไป เช่น เงินทุนในการหาเสียง หรือนโยบาย ดังนั้นพรรค รทสช. ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว
นายเท่าพิภพ กล่าวว่า ยกตัวอย่างในพื้นที่ กทม.ลุ้นให้พรรคฝ่ายที่เป็นรัฐบาลอยู่ตอนนี้ มีพรรคที่เข้มแข็งอย่างน้อย 2 พรรค เพื่อตัดคะแนนกันเอง ไม่เช่นนั้นคนจะไหลกลับไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และเป็นโอกาสทำให้พรรค ปชป. กลับมาชนะเลือกตั้งในพื้นที่ กทม.อีกครั้ง
เมื่อถามว่า มองว่า พรรค รทสช. มีความพร้อมมากแค่ไหน นายเท่าพิภพ กล่าวว่า จากประสบการณ์ทำพรรคการเมืองมา 2 พรรค ไม่ง่ายที่พรรคใหม่จะเกิดขึ้นใหม่ในระบบการเมืองไทย แม้ว่าจะมีกลุ่มจัดตั้ง แต่ความเข้มแข็งในเชิงอุดมการณ์ และทิศทางจะดำเนินการไปได้ยาก ยิ่งใกล้เลือกตั้งเกินไปจะจัดสรรผลประโยชน์หรือตกลงอะไรอย่างชัดเจนไม่ค่อยได้ สุดท้ายจะเกิดการแตกร้าวหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน พรรคนั้นจะไม่มีความมั่นคงถาวร และเป็นเพียงพรรคเฉพาะกิจ ได้ส.ส. 5 เสียงก็เก่งแล้ว และจากการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนก็ไม่มีใครใส่เสื้อรักลุงตู่ให้เห็น หรือแสดงความชื่นชม จึงคิดว่าพรรค รทสช. ไม่น่าจะได้ส.ส.ถึง 25 เสียง เพื่อมีสิทธิเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าพรรค รทสช. จะได้เปรียบ จากความเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายเท่าพิภพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องพึงประเมิน แต่ในระยะเวลาอันสั้นจะได้เปรียบจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะพอใกล้เลือกตั้งข้าราชการจะชิ่งหมด เพราะรู้ว่าจะต้องเปลี่ยนนาย หากทำอะไรไปอาจจะซวย และครั้งนี้ยังไม่มีความมั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะชนะเลือกตั้งอีก หากสั่งให้ข้าราชการทำอะไร ข้าราชการเหล่านี้จะกลัวเจ็บตัวหรือกลัวโดนเช็คบิล และกลัวการตรวจสอบอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะได้เปรียบจากการเป็นรัฐบาล