ศาล ปค.สูงสุดยืนเบรก บ.บีพีเอ็นพี สร้าง “ไฮสปีดเทรน” ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืนตามชั้นต้น เบรกผลอุทธรณ์ “กิจการร่วมค้า บีพีเอ็นพี” เคลียร์ปมสัญญาที่ 3-1 ก่อสร้าง “ไฮสปีด” ไทย-จีน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยันตกคุณสมบัติ เหตุไม่ได้ยื่นผลงานก่อสร้างในนามบริษัท
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2566 ศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ อ.770/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อ.1220/2565 ระหว่างบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด ผู้ฟ้องคดี การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับพวกรวม 3 ราย ผู้ถูกฟ้องคดี ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์คุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า ตามประกาศ รฟท. ลงวันที่ 28 มี.ค. 2562 ในโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) หรือ ไฮสปีดไทย-จีน งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธา ช่วงแก่งคอย - กลางดง และช่วงปางอโศก – บันไดม้า
โดยกรณีนี้ กรมบัญชีกลาง มีคำสั่งอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ให้แก่บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (BINA จากมาเลเซีย-นภาก่อสร้าง) เป็นการเฉพาะราย นอกจากนี้ การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลางมีคำวินิจฉัยว่า การอุทธรณ์ของบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ในประเด็นเกี่ยวกับคุณสมบัติและหนังสือรับรองผลงาน ฟังขึ้น โดยสั่งให้ รฟท. กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค.2563 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ของบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (BINA จากมาเลเซีย-นภาก่อสร้าง) โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนมีคำสั่งดังกล่าว ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก รวมทั้งมีคำสั่งให้การทุเลาการบังคับตามคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนสิ้นผลบังคับนับตั้งแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า การที่บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จึงมีสถานะความเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น ดังนั้นบริษัทดังกล่าว จึงต้องมีผลงานก่อสร้างในนามบริษัท โดยไม่สามารถนำผลงานก่อสร้างของผู้ถือหุ้นมาใช้แสดงเป็นผลงานก่อสร้างของบริษัทได้ และเมื่อมีการยื่นข้อเสนอราคาโดยใช้ผลงานก่อสร้างของบริษัทบิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด (ผู้ถือหุ้น) โดยไม่ได้ยื่นผลงานก่อสร้างที่ทำในนามบริษัท จึงไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ แม้ บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ประสงค์จะเสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ แต่เมื่อบริษัทมีบุคคลธรรมดาเป็นผู้ถือหุ้นจึงต้องถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสมาชิกของกิจการร่วมค้า เมื่อประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ กำหนดให้สมาชิกของกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ทุกรายต้องเป็นนิติบุคคล และต้องมีอาชีพรับจ้างตามที่ประกวดราคาจ้าง การที่บริษัทดังกล่าวมีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและไม่ได้มีอาชีพรับจ้างตามที่ประกวดราคาจ้าง จึงไม่มีคุณสมบัติในการยื่นข้อเสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่
การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน วินิจฉัยอุทธรณ์โดยอนุมัติยกเว้นให้บริษัทดังกล่าวเป็นกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ และสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้แสดงเป็นผลงานในการยื่นประกวดราคา และให้ รฟท. กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป ตามคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค.2563 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (2) และวรรคสามแห่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560
อุทธรณ์ของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ, คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน และบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด จึงฟังไม่ขึ้น
การที่ศาลปกครองกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามหนังสือด่วนที่สุดที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2563 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องสอด ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย และมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง