113 ปี “ทภ 1.”หน่วยคุมกำลังปฏิวัติ ภายใต้รหัส “ทหารคอแดง”
“มทภ.1” เป็นบันไดขั้นแรก ที่จะก้าวขึ้นสู่ “ผบ.ทบ.” เก้าอี้นี้ จึงถูกล็อคสเปค ต้องผ่านหลักสูตรทหารคอแดง หลักค้ำประกันสถาบันของชาติ
“13 มกราคม” ของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนา“กองทัพภาคที่ 1” (ทภ.1) สำหรับปี 2566 นี้ ครบรอบ 113 ปี โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน พร้อมกับเชิญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 มาร่วมงาน ตลอดจนผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของ 3 เหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และกลุ่มพลังมวลชน
โดยกำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเดินทางมาถึง จะขึ้นแท่นรับความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ พร้อมทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ถวายความเคารพพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 และ พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ณ ห้องเอนกประสงค์ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1
ในทุกปีมี อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เดินทางมาร่วมงาน อาทิ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี พล.อ.ชัยณรงค์ หนุนภักดี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
โดยปีนี้ เป็นที่จับตาว่า “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาพระราชวัง จะเดินทางมาร่วมพิธีด้วยหรือไม่ หลังเกษียณอายุราชการไปกว่า 2 ปีในฐานะเป็นอดีต มทภ.1 เพราะที่ผ่านมา ทภ.1 ได้ทำหนังสือเชิญไปทุกครั้ง แต่ไม่ได้เดินทางมาร่วม
เช่นเดียวกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็น อดีต มทภ.1 แต่หลังจากหลุดตำแหน่ง รมว.กลาโหม ก็ไม่เคยเดินทางมาร่วมพิธี
สำหรับ ทภ.1 เป็นหน่วยขึ้นตรง“กองทัพบก” และถูกขนานนามว่า“เป็นหน่วยคุมกำลังปฏิวัติ” เพราะรับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 25 จังหวัดภาคกลางของประเทศ โดยปฏิบัติหน้าที่ในบทบาทของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 บูรณาการหน่วยที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 25 จังหวัดภาคกลาง
ด้วยการเตรียมกำลังให้มีความพร้อม ในการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยพิจารณาระดับการใช้กำลังตามสถานการณ์ พร้อมทั้งจัดตั้งกองอำนวยการติดตามสถานการณ์ เพื่อทำหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชา และรายงานสถานการณ์ตามสายการบังคับบัญชาได้ทันที
นอกจากนี้ ทภ.1 ได้ปฏิบัติภารกิจในการถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ และสนองโครงการพระราชดำริต่างๆ ซึ่งถือเป็นกำลังหลักสำคัญในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้คงอยู่อย่างมั่นคงถาวรต่อไป
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ภายหลังการกำเนิดใหม่กลุ่ม “ทหารคอแดง” ซึ่งจากเดิมมีเพียง วงศ์เทวัญ ทหารเสือราชินี บูรพาพยัคฆ์ รบพิเศษ ที่คุมอำนาจในกองทัพ นั่งตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะเก้าอี้ มทภ.1
นับตั้งแต่ “บิ๊กแดง” ในขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.ได้ฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ หรือ ทหารคอแดง เป็นเวลา 3 เดือน ก่อนก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ที่เป็นนายทหารคอแดงคนแรก และเป็นนายทหารพิเศษประจำ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) คนแรก ที่สังกัด ทบ.
อีกทั้ง ยังเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) และจัดตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 ให้เป็นรูปร่าง โดยมีกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล 1 รอ.) เป็นกำลังหลัก ก่อนมีการโอนย้าย ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. จาก ทบ.ไปเป็นหน่วยในพระองค์
มีการจัดการฝึกหลักสูตรทหารคอแดงให้ ผบ.หน่วยของกองทัพภาค 1 ที่ต่างต้องการฝึก เพราะการได้เป็นทหารคอแดง จะทำให้มีคุณสมบัติครบที่จะนั่งตำแหน่งสำคัญในกองทัพภาคที่ 1 ทั้งระดับผู้พัน ผู้การกรม ผบ.พล.1 รอ. ผบ.พล.2 รอ. แม่ทัพภาคที่ 1 และ ตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. และ เก้าอี้ ผบ.ทบ.
นับจากนั้นมา จึงได้เห็นบุคคลนั่งเก้าอี้ มทภ.1 ล้วนเป็น “ทหารคอแดง” เริ่มจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน พล.อ. ธรรมนูญ วิถี อดีต ผู้ช่วย ผบ.ทบ.(เกษียณราชการ) พล.อ. เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. แคนดิแดต ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ พล.อ. สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
สำหรับ มทภ.1 คนปัจจุบัน พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ มีต้นกำเนิดมาจาก ร.31 รอ. กรมหมวกแดงของ พล.1 รอ. เช่นเดียวกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และทั้งสองคนถือเป็นเด็กปั้นของ “บิ๊กแดง” ส่วนบิดา พล.อ.ปรีชา แคล้วปลอดทุกข์ เป็น ราชองครักษ์เวรพิเศษ
ด้วยอายุราชการที่ยาวถึงปี 2570 ดังนั้นจึงคาดหมายว่า พล.ท.พนา จะก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป โดยมีทหารคอแดงอีกคนที่จะเข้ามารับช่วงนั่ง“เก้าอี้ มทภ.1”คนต่อไป พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ ( ตท.28 ) รองแม่ทัพภาค1
จะเห็นได้ว่า ด้วยภารกิจของ ทภ.1 ที่ไม่ได้มีหน้าที่เพียงการดูแลป้องกันประเทศ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ และการช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น แต่หน้าที่สำคัญอีกประการคือ การปกป้องสถาบันหลักของชาติและองค์จอมทัพไทย
ดังนั้น “เก้าอี้ มทภ.1” ที่เปรียบเสมือนบันไดขั้นแรกที่จะก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ ผบ.ทบ. จึงถูก“ล็อคสเปค”ว่า ต้องผ่านหลักสูตรทหารคอแดง หลักค้ำประกันสถาบันของชาติ ให้อยู่คู่คนไทยตลอดไป