"ไพบูลย์" มั่นใจ "ประวิตร" เป็นผู้นำตั้งรัฐบาล ความชัดเจนเกิดหลังเลือกตั้ง
"ไพบูลย์" ยก "ประวิตร" คือผู้นำตั้งรัฐบาล ชี้หลังเลือกตั้งทิศทางจับมือร่วมรัฐบาลจะชัดเจน ย้ำไม่เอา "ก้าวไกล" เหตุมมีนโยบายเลิก ม.112
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ปฏิเสธการจับมือทางการเมืองกับ พรรคพลังประชารัฐ ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าพร้อมร่วมงานทุกพรรคการเมือง ว่า สิ่งที่พล.อ.ประวิตร ระบุคือการเปิดกว้างที่จะพูดคุยกับหัวหน้าพรรค ซึ่งกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ระบุว่ายังไม่พร้อมที่จะจับมือนั้น ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะทุกอย่างจะเกิดหลังการเลือกตั้ง
"ทุกพรรคเมื่อถึงเวลาก็ต้องแข่งขันกันในสนามเลือกตั้ง อย่าเพิ่งพูดว่าใครเป็นใคร หรือใครผูกมิตรกับใคร ไม่มีทั้งสิ้น แต่หลังจากการเลือกตั้งแล้วทุกพรรคการเมืองจะพูดคุยกัน ผมมั่นใจว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล ในบรรดาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้งหมด ขอย้ำเลยว่าพล.อ.ประวิตรเป็นคนเดียวที่มีโอกาส เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 มากที่สุด" นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่าส่วนพรรคก้าวไกลนั้น ความเห็นส่วนตัวมองว่หากพรรคก้าวไกลมีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ตนไม่คุยด้วย เพราะรับไม่ได้กับนโยบายดังกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตรถูกตั้งข้อสังเกตจากนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ว่าการลาประชุมครม. เพื่อลงพื้นที่ ว่าไม่เหมาะสมนายไพบูลย์ กล่าวว่า นายรังสิมันต์เป็นใคร ไม่เห็นต้องไปสนใจ ตนยืนยันได้ว่าการทำงานของพรรคพลังประชารัฐยึดกฎหมาย ไม่ทำอะไรที่นอกเหนือกฎหมายต่างจากบางพรรคที่ไปเสนอแก้ไขมาตรา 112
"ไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ดี เพราะผมเป็นคนยื่นในกรณีเกี่ยวกับการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีความชัดเจนว่า ถ้าไปกระทำใดๆ ก็ตาม อันอาจเป็นปฏิปักษ์ทำให้เสียหายต่อสถาบัน ก็จะมีปัญหาทั้งสิ้น ผมขอเตือนไว้ก่อน การจะไปแก้ไขมาตรา 112 นั้น ความเห็นผมในฐานะที่เป็นฝ่ายกฎหมายไม่ควรไปแตะอย่างยิ่ง แต่ถ้าจะทำจริงๆ อาจเห็นผมทำอะไรบางอย่างอีกครั้งหนึ่ง ฝากบอกคุณรังสิมันต์ด้วยนะครับ" นายไพบูลย์ กล่าว