"ผบ.ตร." สั่งสอบ "3นายตำรวจ" นำขบวนนักท่องเที่ยวจีน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นักท่องเที่ยวจีนโพสต์คลิปการเดินทางโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและ รถนำขบวน จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังพัทยา ว่าสั่งให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นพบว่ามีตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย คือ ร.ต.อ.สมพล ภิญโญสโมสร ตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการ 3 รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 และ ตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร 2 นาย คือ ส.ต.อ.ธนกร นุกูลธนกิจ และส.ต.อ.ธนวัฒน์ สิมะขจรบุญ

"โดยทางด้าน 2 หน่วยงานได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมกับให้ย้ายเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการ และอยู่ระหว่างการพิจารณาลงโทษ นอกจากจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผู้ที่ปรากฏอยู่ในคลิปแล้ว ยังมีคำสั่งให้ตรวจสอบถึงผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ และสารวัตร ที่ควบคุมการปฏิบัติงานของตำรวจที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ พร้อมกับให้จเรตำรวจแห่งชาติ เรียกทั้ง 3 คนเพื่อสอบสวนดำเนินการทางวินัยเพิ่มเติม" ผบ.ตร.​กล่าว

ขณะล่าสุดที่กองบังคับการตำรวจจราจร  พบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น เอ็มที-09 เทรเซอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ขภ 85 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถคันที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอขับรถนำนักท่องเที่ยวจีน จอดอยู่ โดยที่รถคันนี้ไม่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ กองบังคับการตำรวจจราจร รวมทั้งป้ายทะเบียนที่เป็นป้ายของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล แต่มีการตกแต่งโดยติดสัญญาณไซเรน และไฟวับวาบไว้ที่รถด้วย นอกจากนั้นยังมีถุงมือ และผ้าคลุมศีรษะสีดำ วางอยู่ด้านหน้าคอนโซลรถ

มีรายงานว่า ผู้บังคับบัญชาของตำรวจจราจรทั้ง 2 นาย ได้เรียกให้เข้ามาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่กองบังคับการตำรวจจราจร โดยขณะนี้ยังไม่มีบุคคลใดให้ข้อมูลถึงผลการสอบสวนในเบื้องต้น

ขณะที่ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่า จะตรวจสอบในประเด็นเรื่องการใช้รถว่าได้รับอนุญาตหรือมีคำสั่งจากใครหรือไม่ และมีอำนาจหน้าที่อย่างไร โดยต้องเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณา ทั้งนี้การตรวจสอบคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการนำรถส่วนตัวมาใช้นั้น หากพบการดัดแปลงจะเข้าข่ายผิดอาญาด้วย 

เมื่อถามถึงประเด็นที่นักท่องเที่ยวสามารถออกจากช่องทางตรวจคนเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็วนั้น จากการตรวจสอบแล้วพบว่านักท่องเที่ยวได้ทำข้อมูล E-VISA มาตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งตามปกติจะใช้เวลา 3 นาที ประกอบกับเวลานั้นมีคนใช้บริการน้อย จึงสามารถเดินทางออกมาได้อย่างรวดเร็ว เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงว่ามีความผิดในเรื่องดังกล่าว

ทางด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว  ให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบรถที่ใช้นำรถนักท่องเที่ยวนั้น เป็นรถส่วนตัว ไม่ใช่รถของราชการ ถือว่ามีความผิดทางวินัยเท่านั้น เพราะประพฤติไม่เหมาะสม เนื่องจากการดูแลนักท่องเที่ยวจะต้องดูแลและอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวทุกคนในภาพรวม ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นพิเศษ และในวันดังกล่าวไม่มีคำสั่งจากหน่วยงานให้ไปอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่จากพฤติกรรมทำให้เชื่อว่าเป็นการรับงานพิเศษในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว

ส่วนกรณีที่พบว่านายตำรวจในคลิประบุว่าได้รับการประสานมาจากคนขับรถของรัฐมนตรีนั้น พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า หากตรวจสอบพบต้องเชิญมาให้ข้อมูลเพื่อเกิดความชัดเจน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เรียก เพราะอยู่ระหว่างตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง