"กมธ.การเมือง ส.ว." เสนอให้ค่าเดินทาง คนไปเลือกตั้ง 500บาท แก้ระบบอุปถัมภ์
กมธ.การเมือง วุฒิสภา เสนอไอเดีย แก้ระบบอุปถัมภ์ฝ่ายการเมือง ให้รัฐจ่ายค่าเดินทาง500 บาท คนไปเลือกตั้ง พร้อมชงรื้อระบบเลือกตั้ง ให้คนแพ้เลือกตั้งเขตได้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา วันที่ 23 มกราคม โดยมีวาระพิจารณาสำคัญ คือ พิจารณาผลการศึกษา เรื่อง แนวทางการส่งเสริมและการพัฒนาการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม ของ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. เป็นประธานกมธ.
ผู้สื่อข่าวรายยงานว่าสำหรับสาระของผลการศึกษาดังกล่าว ระบุเป็นข้อเสนอ ว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ที่ปรับให้เป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสม และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แม้กฎหมาายจะกำหนดให้ระบบเลือกตั้งและพรรคการเมืองมีความรัดกุมรอบคอบ แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเงื่อนไขของการตอบแทนบุญคุณหรือระบบอุปถัมภ์ด้วยวิธีซื้อเสียง ทั้งนี้จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้งซ่อม และเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา พบว่าการเลือกตั้งทุกระดับยังไม่สุจริต เที่ยงธรรม และปัจจุบันเข้าสู่ 180 วันก่อนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ในข้อเสนอและแนวนโยบาย ที่กมธ.พัฒนาการเมือง วุฒิสภา เสนอที่น่าสนใจ อาทิ ให้ภาครัฐมีค่าพาหนะสำหรับประชาชนที่เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คนละ 500 บาทเป็นเบื้องต้น ซึ่งจะใช้งบประมาณรวม 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40 ล้านคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและจูงใจให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งและช่วยให้เกิดแนวคิดตอบแทนบุญคุณแผ่นดินแทนการตอบแทนนักการเมือง เพื่อให้การใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ที่เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม
รายงานของกมธ. ยังเสนอให้ แก้ไขกฎหมายว่าด้วยกรอบระยะเวลาเลือกตั้งซ่อมของส.ส.ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการปฏิบัติ เช่น ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พ้นตำแหน่งเพราะเหตุอื่นนอกจากครบวาระ, แก้ไขกฎหมายหรือกำหนดมาตรการ กรณี ส.ส. หรือ สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่ลาออกเพื่อไปลงเลือกตั้งเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจัดการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง
แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยตั้งบุคคลในภูมิลำเนาในจังหวัดแทนตั้งบุคคลนอกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการแจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูลทุจริตเลือกตั้ง โดยคุณสมบัติผู้ตรวจการเลือกตั้ง ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดในเวลา10 ปี เพื่อความเป็นกลางที่แท้จริง
ข้อเสนอของกมธ. ระบุด้วยว่า แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งรับเงินซื้อเสียง ไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อให้กล้าเป็นพยานชี้ต้วคนกระทำผิด เพื่อช่วยให้นำตัวผู้ทำผิดมาลงโทษได้ นอกจากนั้นให้มีมาตรการคุ้มครองพยานและรางวัลนำจับให้ผู้ที่แจ้งเบาะแสการซื้อเสียงหรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง, กำหนดมาตรการหรือบททลงโทษที่ชัดเจน กรณีที่พรรคการเมืองไม่สามารถปฏิบัติตามนโบายที่หาเสียงไว้, กำหนดมาตรการหรือบทลงโทษ ส.ส.หรือมาชิกรัฐสภา ละเลยต่อหน้าที่โดยเฉพาะการประชุมสภาฯ เพื่อให้มีกรอบการทำงานที่ชัดเจนและก่อให้เกิดประโยชน์กับกับประเทศและประชาชน และสอดล้องกับงบประมาณ
นอกจากนั้น กมธ.พัฒนาการเมือง ยังเสนอให้แก้ไขระบบเลือกตั้ง โดยให้ผู้สมัครส.ส.เขตที่ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงสุดลำดับที่ 1 เป็น ส.ส. เว้นแต่เขตเลือกตั้งที่มีส.ส.มากกว่า 1 คน ให้ผู้ได้คะแนนเลือกตั้งสูงสุดระดับรองลงได้ไปเป็นส.ส.ตามลำดับจนกว่าจะครบจำนวนที่กำหนด ส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่แพ้เลือกตั้ง ซึ่งได้คะแนนสูงสุดในบรรดาผู้สมัครที่ไม่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และเรียงลำดับไปจนครบจำนวนที่กำหนด เพื่อให้ได้ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อมาจากผู้สมัครส.ส.ที่ประชาชนลงคะแนนเลือกตั้งสูงสุดตามลำดับ.