ก้าวไกล ดัน"กฎหมายรถเมล์อนาคต" เปลี่ยนรถเมล์ทั้งกรุงเทพเป็น EV ใน 7 ปี
ส.ก. ก้าวไกลเตรียมเสนอ "กฎหมายรถเมล์อนาคต" เปลี่ยนรถเมล์ทั้งกรุงเทพเป็น EV ใน 7 ปี เชื่อ สร้างประวัติศาสตร์ผ่านกม. โดย ส.ก. ครั้งแรกในรอบ 22 ปี
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยน.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก. เขตบางซื่อ และนายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก. เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล แถลงเปิดตัวกฎหมาย "รถเมล์อนาคต" ซึ่งเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร ที่จะกำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งในกทม. ต้องเป็นรถไฟฟ้า หรือ EV ทั้งหมด โดยมีระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 7 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายลดฝุ่นละออง PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถเมล์ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน
นายเริ่มต้นการแถลงข่าวโดยนำสื่อมวลชนชมรถเมล์สาย 8 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ ตำนานรถเมล์กรุงเทพ โดยกล่าวว่ารถเมล์คันนี้ แม้สีสันจะดูใหม่ แต่ข้างในเก่า รถคันนี้เดิมเป็นรถเมล์สีครีมแดง ของข.ส.ม.ก. ก่อนจะปลดระวางมาขายต่อให้รถร่วมฯ เปลี่ยนสีใหม่ แต่เครื่องยนต์เก่า พื้นเป็นไม้กระดาน
“รถคันนี้สร้างเมื่อปี 1960 วันนี้มีอายุ 62 ปีแล้ว ถ้าเป็นคนก็ต้องเกษียณอายุแล้ว แต่กลับยังใช้งาน วิ่งปล่อยควันเสีย ฝุ่นละอองอยู่ทุกวัน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพเป็นเมืองที่มีมลภาวะติดอันดับโลก”
ด้านน.ส.ภัทราภรณ์ กล่าวว่าปัญหา PM2.5 เป็นปัญหาใหญ่ของกรุงเทพ โดยเฉพาะในช่วงต้นปีแบบนี้ ในขณะที่ PM2.5 ในภาคอื่นของประเทศมักเกิดต่กการเผาพืชผลการเกษตร หรือไฟป่า ฝุ่นในกรุงเทพส่วนใหญ่เกิดจากยานพาหนะ ซึ่งฝุ่นละอองไม่เพียงทำให้บดบังทัศนวิสัย แต่ยังส่งผลเลวร้ายต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้ขนส่งมวลชน สูดควันพิษบนถนนทุกวัน แม่ค้าที่ต้องขายของริมทาง ไปจนถึงตำรวจจราจร ซึ่งผลวิจัยทางการแพทย์ยืนยันชัดเจนว่า การสูดฝุ่นพิษเป็นประจำ ทำให้คนเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยาสำคัญ
กฎหมายรถเมล์อนาคต หรือร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจําทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ นำเสนอโดย ส.ก. น.ส.พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่มีการเสนอกฎหมายใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ก. ซึ่งข้อบัญญัติฉบับล่าสุดที่เสนอโดย ส.ก. เกิดขึ้นในปี 2544 เป็นข้อบัญญัติเกี่ยวกับการแต่ตั้งผู้ช่วยปฏิบัติงาน ส.ก
โดยพุทธิพัชร์ เชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายนี้จะสามารถผ่านสภา กทม. ได้ เนื่องจาก ส.ก. ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ากฎหมายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกเขตทั่วกรุงเทพ
นายพิธาย้ำว่า กฎหมายรถเมล์อนาคต ไม่เพียงเป็นกฎหมายที่จะยกระดับคุณภาพการให้บริการรถเมล์ให้สะอาด ปลอดฝุ่น ปลอดมลภาวะ และช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายเป็นประเทศ net zero หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์์ในปี 2050 ได้เท่านั้น แต่ยังถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าสภา กทม. สามารถมีบทบาทปกป้องดูแลคุณภาพชีวิตคนกรุง เปลี่ยนกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคนได้