“สุชาติ”แนะไทยเร่งพัฒนา"เชียงราย"คู่ขนานเขตศก.พิเศษสามเหลี่ยมทองคำ
“สุชาติ” รองประธานสภาฯคนที่ 1 พร้อม “วิสาร-เดชอิศม์” ร่วมพิธีเปิดเทศกาลดอกงิ้วบานที่สามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว แนะไทยเดินหน้าสะพานข้ามชายแดนไทย-สปป.ลาว พร้อมจัดตั้งเขต ศก.พิเศษใน จ.เชียงราย คู่ขนาน ฝากรองนายกฯลาวร่วมเฝ้าระวังแก๊งหลอกลวงคนที่ระบาดหนักในภูมิภาค
นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานผู้แทนราษฎร คนที่ 1 พร้อมด้วย นายวิสาร เตชะธีรวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าร่วมืพิธีเปิดเทศกาลดอกงิ้วบาน ครั้งที่ 20 ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ตามหนังสือเชิญของรองผู้ว่าราชการจังหวัดบ่อแก้ว
ทั้งนี้พิธีดังกล่าวมี นายบุนทอง จิตรมณี รองประธานประเทศลาว, พล.ท.วิไล หล้าคำฟอง รองนายรัฐมนตรี สปป.ลาว, นายสมสะหวาด เล่งสะหวัด อดีตรองนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว, นายคำพัน เผยยะวง อดีตเจ้าแขวบ่อแก้ว สปป.ลาว, นายบัวคง นามมะวง เจ้าแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว, นายจ้าว เหว่ย ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ และผู้บริหารระดับสูง และแขกผู้มีเกียรติ ทั้ง สปป.ลาว, ไทย, จีน, เมียนมา และเวียดนาม เข้าร่วมงานจำนวนมาก
โดยนายสุชาติ และคณะ ยังได้พบปะหารือ 3 ฝ่ายกับ พล.ท.วิไล หล้าคำฟอง รองนายรัฐมนตรี สปป.ลาว และผู้บริหารระดับสูงของสภากรรมการบริหารเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ถึงโอกาสความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมทั้งปัญหาสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ชายแดนไทย - สปป.ลาว - เมียนมา
นายสุชาติ กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยและ สปป.ลาว เป็นพี่น้องกัน ต่างฝ่ายต้องพึ่งพากัน โตก็ต้องโตไปด้วยกัน หากฝ่ายไหนมีปัญหาก็ต้องช่วยกันแก้ไข ดังนั้น หากมีสิ่งใดที่สามารถร่วมมือกันหรือแลกเปลี่ยนกันได้ เช่น การท่องเที่ยวแทนที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศใดประเทศหนึ่ง ควรจะหันมาร่วมมือกันผลักดันให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวทุก ๆ ประเทศในภูมิภาคของเรา
ซึ่งวันนี้ สปป.ลาว กำลังพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ยิ่งต้องผลักดันความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นพื้นที่ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ลบล้างภาพเรื่องยาเสพติด การค้ามนุษย์ และภัยคุกคามขบวนการหลอกลวงต่าง ๆ
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร ได้มีโอกาสพบปะหารือกับคณะทูตานุทูตหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาค ทุกท่านต่างพูดตรงกันว่าประสบปัญหาเกี่ยวกับขบวนการหลอกลวงแรงงานให้ไปเป็นแรงงานทาส เช่น ขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ หรือ มันนี่เกมหลอกลวงให้ร่วมลงทุน
อย่างไรก็ตามตนได้ยืนยันไปหลายวาระแล้วว่ายังไม่พบเรื่องดังกล่าวในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เพราะเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเป็นเมืองที่มุ่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เราต้องร่วมกันเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปรามไม่ให้ขบวนการหลอกลวงเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ
จากนั้น นายสุชาติ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนเคยพูดไว้หลายครั้งแล้วถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมาว่าได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเม็ดเงินกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งไทยเห็นว่าควรจะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านการเจรจาเพื่อส่งเสริมด้านการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าปศุสัตว์ และสินค้าเกษตร เพื่อรองรับคนที่เข้ามาอยู่อาศัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในอนาคต
“ที่ผ่านมาต้องถือว่าไทยเสียโอกาสไปมากที่ยังไม่มีการริเริ่มโครงการใด ๆ มารองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำของ สปป.ลาว ทั้งที่พื้นที่ชายแดนอยู่ติดกัน เอื้อต่อการคมนาคมขนส่ง” นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ทราบว่า จ.เชียงราย มีความพยายามผลักดันนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัด ตลอดจนมีการก่อสร้างสะพานข้ามแดนถาวรเพื่อพัฒนาด้านการขนส่งและการคมนาคม เพื่อความสะดวกด้านการเดินทางระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบพัฒนาพื้นที่คู่ขนานระหว่าง 2 ฝั่งแม่น้ำโขงให้เจริญเติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านการส่งเสริมอาชีพ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว หากเรื่องนี้เกิดขึ้นได้เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศอย่างแน่นอน
“สิ่งที่อยากเน้นย้ำคือ โครงการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเชียงแสนกับเมืองต้นผึ้งหากดำเนินการได้สำเร็จ ย่อมจะเป็นผลดีกับประเทศไทยทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งสินค้าเกษตรจะสามารถขนส่งได้โดยง่าย” รองประธานสภาฯคนที่ 1 ระบุ
ในส่วนของการยกระดับความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างกันนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ได้นำปัญหาการหลอกลวงและการค้ามนุษย์ หารือกับรองนายกฯ สปป.ลาว เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคประสบปัญหาดังกล่าว แต่ทราบว่ายังไม่พบที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ จึงฝากให้รองนายกฯ สปป.ลาว เฝ้าระวังขบวนการหลอกลวงเหล่านั้นอย่าให้เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียประโยชน์ของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ รวมทั้งได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลไทยให้ใช้กลไกภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามปัญหาดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
“เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เป็นพื้นที่แห่งการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน แม้ว่าจะลงทุนโดยชาวจีน ไม่ใช่ชาวลาว แต่ไม่ใช่พื้นที่สีเทาอย่างที่คนเข้าใจ เพราะส่วนตัวได้ติดตามการเจริญเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำมาตั้งแต่ต้น และเห็นถึงการพัฒนาในทุกมิติของเขตเศรษฐกิจแห่งนี้ เพื่อเป็นพื้นที่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ และเป็นพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริง” นายสุชาติ กล่าว