"ประวิตร"เปิดใจการเมืองพาไปคนละทางกับ"ประยุทธ์" วันนี้ "ไม่รู้ ไม่มีแล้ว"
"ประวิตร" เปิดใจในงานระดมทุน พปชร. วันนี้ ไม่รู้ ไม่มีแล้ว พร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 แต่ถ้า ปชช. ไม่เลือกก็กลับบ้าน ย้อนความหลัง เปิดเมนูทำเลี้ยง 3 ป.ตั้งแต่หนุ่มๆ เผยการเมืองพาไปคนละทางกับ"ประยุทธ์" แต่ไม่มีอะไรแยกความเป็นพี่น้องไปได้
30 ม.ค.66 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอกแอนด์คอนเวนชัน เซ็นทรัลเวิลด์ พรรคพลังประชารัฐ จัดกิจกรรมระดมทุน ภายใต้ชื่องาน พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง
โดยช่วงไฮไลต์ เป็นการสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยตอบคำถามแรก ถึงคำพูดที่เคยระบุว่า ใช้ใจบันดาลแรงว่า เนื่องจากสังขารตนมันร่วงโรยมามาก ต้องอาศัยจิตใจ ต้องเอาใจบันดาลแรง เพื่อให้มีกำลังใจ มีแรงทำงานต่อไป ทำให้ใจมาก่อน แล้วแรงมาทีหลัง ซึ่งตอนพูดไปก็รู้สึกใจฟู
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ตอบคำถามที่หลายคนติดใจ เมื่อถูกสื่อมวลชนถามแล้ว มักจะตอบว่า "ไม่รู้" พล.อ.ประวิตร บอกว่า "ไม่รู้ ไม่มีแล้ว และที่ตอบว่าไม่รู้ คือไม่รู้จริงๆ แต่ความจริง อาจจะรู้ แต่ที่ตอบว่าไม่รู้เพราะมีผู้ที่รู้มากกว่า ผมต้องให้คนที่รู้มาแนะนำสั่งสอนว่าทำงานอย่างไร จะได้รู้เท่ากับคนที่รู้ คนที่รู้มีอยู่รอบตัวผมเต็มไปหมด จะได้นำความรู้มาใส่ตัวผม เท่าที่จะทำได้ วันนี้รู้แล้ว พร้อมแล้ว"
เมื่อพิธีกรถามว่า สามารถสอบถามเรื่องส่วนตัวได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เอาเลย อยากถามอะไรก็ถามเลย วันนี้ผมเป็นตัวของตัวเอง”
จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เปิดเผยว่า ชีวิตสมัยเป็นทหารกับการเป็นนักการเมือง เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เรียกว่าตกกะไดพลอยโจนก็ได้ ที่ผ่านมาอยู่ในกองทัพบกมาโดยตลอด พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้กองทัพบกเจริญรุ่งเรือง
พอเกษียณอายุราชการ ก็ถูกเชิญไปเป็น รมว.กลาโหม 3 ปี ก่อนจะมีโอกาสเข้ามาเป็นรองนายกฯ และรมว.กลาโหม ซึ่งตนไม่ค่อยทราบว่า จะต้องทำอย่างไร แต่ประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับนักการเมืองกว่า 10 ปี ทำให้พอทราบว่า นักการเมืองนิสัยใจคอเป็นอย่างไร
ยืนยันว่าเคารพทุกคน เพราะในชีวิตการทำงานของตน ผ่านศึกสงครามมามาก แต่พยายามทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และประชาชนมาโดยตลอด
เมื่อถามถึงชีวิตประจำวัน ที่ชอบทำอาหาร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนทำอาหารมาโดยตลอดอยู่แล้ว เรียกได้ว่า ทำเลี้ยง 3 ป.มาตลอด รวมถึงทำให้กองทัพ ส่วนตัวเห็นว่าทำผัดซีอิ้ว ราดหน้า เก่งมาก สามารถเปิดร้านขายได้ ใครจะไปเปิด ก็เอาไปได้ รวมถึงเมนูข้าวหน้าไก่ อร่อยขนาดที่ร้านดังก็สู้ไม่ได้ ที่เคยทำให้ 3 ป.กิน คือ ต้มเนื้อ กะเพราเนื้อ ไข่เจียว ก๋วยเตี๋ยว ทำให้ตั้งแต่หนุ่มๆ ตอนนี้แก่แล้ว
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหวาง 3 ป. พล.อ.ประวิตร ตอบว่า อยู่ด้วยกัน 3 คนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ตนเป็น ผบ.ร้อย ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเพื่อประเทศชาติ และกองทัพมาโดยตลอด เติบโตกันมากระทั่งตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1
เมื่อตนออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ส่วนตนเองดำรงตำแหน่งเป็น รมว.กลาโหม
"ผมเคยอยู่บ้านเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน 3 คน รวมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็น พล.อ.เช่นเดียวกัน จึงเรียกได้ว่า มีความสนิทสนม เป็นกันเองอย่างพี่อย่างน้อง ไม่มีอะไรที่แยกจากกันได้ จากความเป็นพี่เป็นน้อง แม้การเมืองจะไปคนละทาง แต่ก็แยกเฉพาะการเมือง เพราะการเมืองอาจเห็นไม่เหมือนกันได้"
เมื่อถามถึงเคล็ดลับในการเอาใจลูกน้องคืออะไร เอามาใช้กับการเมืองได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สิ่งที่ตนใช้มาโดยตลอด จนถึงทุกวันนี้ คือความจริงใจ ทำอะไรก็จะบอก โดยไม่โกหก พูดตรงไปตรงมา ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด จึงฝากบอกทุกคนว่า ตนตั้งใจและจริงใจต่อทุกคน ไม่ว่าใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูง พี่น้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ว่าพูดอะไรไป นั่นคือคำพูดจากใจของตน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สำหรับสิ่งที่อยากจะแก้ไขที่สุด คือเรื่องปัญหาความยากจน ทั้งชาวนา ชาวไร่เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ เป็นกลุ่มที่เราต้องดูแลให้อยู่ให้ได้ เพื่อให้ประเทศก้าวหน้าต่อไป
เมื่อถามถึงฮีโร่ในดวงใจ พล.อ.ประวิตร ตอบด้วยความมั่นใจว่า "คือคุณแม่ของผม ที่สามารถเลี้ยงลูกชาย 5 คน ได้ดีหมดทุกคน และมีความสุข ทุกวันนี้มีความเจริญรุ่งเรือง ทุกคนมีอาชีพที่ดี ความเป็นอยู่ที่ดีทุกคน"
เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้วหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ถ้าถามว่า ผมพร้อมไหม ผมก็ต้องพร้อม แต่จะได้ หรือไม่ได้ อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนเลือก ผมก็พร้อม และยินดีที่จะทำ แต่ถ้าไม่เลือก ผมก็กลับบ้าน"
ในช่วงท้าย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "วันนี้รู้แล้ว พร้อมแล้ว ผมพร้อม พร้อมที่จะเป็นนายกฯ แต่อยู่ที่คนเลือกนะครับ"