ปชป. หวังแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นธรรม ติงสภาล่ม ทำกฎหมาบอากาศสะอาด ต้องสะดุด

ปชป. หวังแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นธรรม ติงสภาล่ม ทำกฎหมาบอากาศสะอาด ต้องสะดุด

"องอาจ" หวัง กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งเป็นธรรม "มาดามเดียร์" ชี้เล่นเกมการเมืองจนสภาล่ม ทำ กม.อากาศสะอาดต้องค้างสภา แต่ปชป. เตรียมเดินหน้าผลักดันต่อ ด้าน "ดร.เอ้" มองฝุ่น PM2.5 เป็นเรื่องระดับโลก

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายอภิมุข ฉันทวานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตยานนาวา-บางคอแหลม ลงพื้นที่ตลาดริมคลองเจริญกรุง 103 เขตบางคอแหลม พบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ค้า รับฟังปัญหาความเดือดร้อนเพื่อนำไปพัฒนาเป็นนโยบายสู่การแก้ปัญหา 

นายองอาจ กล่าวถึงการลงพื้นที่ในเขตยานนาวา-บางคอแหลม เพื่อแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในวันนี้ ว่า ความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ครบทุกเขตแล้ว ซึ่งขณะนี้รอเพียงการแบ่งเขตที่ชัดเจนจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

 

ทั้งนี้เบื้องต้น ทาง กกต. กทม. ได้มีการประกาศรูปแบบเขตเลือกตั้งทั้ง 5 แบบมาเพื่อขอความคิดเห็นจากประชาชนแล้ว คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์น่าจะเรียบร้อย และเชื่อว่าเมื่อมีการประกาศเขตการเลือกตั้งเสร็จแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะประกาศตัวว่าที่ผู้สมัครในแต่ละเขตต่อไป

ส่วนข้อกังวลเรื่องของการแบ่งเขตที่ไม่เป็นธรรมนั้น นายองอาจ มองว่า พื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้มีประเด็นนี้ เพราะประชากรมีจำนวนที่หนาแน่น จึงอยากขอร้องให้ กกต. ดูจำนวนประชากรในแต่ละเขตให้ใกล้เคียงกับมาตรฐานที่กำหนดไว้ประมาณ 166,000 คน ซึ่งอาจจะมีบวกลบบ้าง

 

อย่างไรก็ตามไม่ควรให้ห่างกันมากหรือน้อยมากเกินไป แต่ขณะนี้ยังไม่อาจไปตำหนิ กกต. ได้ เพราะออกแบบรูปแบบเขตมา 5 แบบแล้ว ซึ่งอยู่ที่ทุกคนจะช่วยกันให้ความเห็นเพื่อเอาความเห็นจากพรรคการเมืองและประชาชนไปปรับใช้

ด้าน ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM.2.5 ในตอนนี้ ว่า เป็นเรื่องที่น่าตกใจและไม่อยากให้ประชาชน กทม.ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะระดับนี้เป็นระดับโลกแล้ว อีกทั้งฝุ่นพิษเป็นอันตรายถึงชีวิตจริง ๆ โดยประเด็นสำคัญคือต้องเอาความจริงมาพูดกันว่าวิธีแก้ปัญหาแบบเดิมๆทำแบบเดิม ๆ ไม่มีทางที่จะช่วยได้ จะทำให้ความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน

ดังนั้น นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในกทม.คือ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของคนกรุงเทพฯ ทั้งเรื่องน้ำและเรื่องอากาศวันนี้พรรคประชาธิปัตย์มุ่งมั่น อยากให้พี่น้อง กทม.ได้เลือก ส.ส.ประชาธิปัตย์ให้มากที่สุด เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะออกกฎหมายอากาศสะอาดซึ่งค้างอยู่ในสภานานมาก

พร้อมย้ำว่าเป็นกฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน กทม.ได้จริง ๆ เพราะจะมีการคุมเข้มรถที่เข้ามาใน กทม. คุมเข้มเกี่ยวกับเรื่องการก่อสร้างที่ไร้ความรับผิดชอบ และสำหรับผู้ประกอบการที่ดูแลเรื่องฝุ่นสามารถมาเคลมเป็นค่าใช้จ่ายลดภาษีได้ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยอมให้ PM.2.5 รุนแรงไปกว่านี้

ขณะที่ น.ส.วทันยา กล่าวถึงปัญหาสภาล่มและนายกรัฐมนตรีก็ยังคงเมินเฉยที่จะยุบสภา ตามคำเรียกร้องของส.ส.ว่า เป็นเรื่องชัดเจนว่ากรณีสภาล่มเป็นปัญหาของนักการเมืองที่เล่นเกมในสภา อย่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่ยังค้างอยู่ในสภา จนยังไม่สามารถนำขึ้นมาพิจารณาได้

ทั้งนี้อากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ควรจะได้รับ โดยเฉพาะฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่เข้าสู่ร่างกายอันตรายยิ่งกว่าไวรัสมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ซึ่ง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ได้รับการเสนอจากหลายพรรค รวมถึงภาคประชาชนแล้วด้วย แต่กลับกลายเป็นว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาด ยังไปไม่ถึงไหนและยังค้างอยู่ในวาระที่บรรจุอยู่ในสภาฯ เพราะปัญหาจากการเล่นเกมการเมือง

ดังนั้นจึงอยากวอนไปถึงรัฐบาลผู้บริหารที่รับผิดชอบแม้บรรยากาศการเลือกตั้งจะใกล้เข้ามาทุกทีแต่ภารกิจในการบริหารบ้านเมืองในการบริหารทุกข์ประชาชนยังเป็นลำดับแรกที่รัฐบาลผู้บริหารควรที่จะพึงให้ความรับผิดชอบและตระหนักแต่กลายเป็นว่าทุกคนกลับมุ่งเน้นในเรื่องของการหาเสียง หน้าที่รับผิดชอบลดลง และวิงวอนไปถึงผู้บริหารให้ออกมาตรการนโยบายที่จะกำกับดูแล PM 2.5

ส่วน นายอภิมุข กล่าวว่า ตนอยู่พื้นที่นี่มาตั้งแต่เกิด ตนมีความเข้าใจในปัญหาแต่ละพื้นที่แต่ละชุมชน จากการที่ได้สั่งสมประสบการณ์มากกว่า 20 ปี พร้อมที่จะเข้ามาทำประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ซึ่งในพื้นที่ชุมชนวันนี้ ได้เห็นถึงความสามัคคีของคนในชุมชนทำให้เกิดเศรษฐกิจชุมชนที่ดี แม้ตนจะเป็นทายาทนักการเมือง มีคุณพ่อเป็นอดีตส.ส.แต่อยากให้ดูเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจมากกว่า