“กรณ์” ชูนโยบายเศรษฐกิจรื้อของเดิม เร่งของใหม่ หนุนต่างชาติซื้อที่ดินไทย
“กรณ์” หัวหน้า “ชาติพัฒนากล้า” ร่วมงาน 20 ปีโพสต์ทูเดย์ ชูนโยบายรื้อของเดิม เร่งเครื่องของใหม่ ลดต้นทุนพลังงาน เก็บภาษีเป็นธรรม รื้อระบบราชการ ลุยล้างบางคอร์รัปชัน บี้ ธปท.สางปัญหามิจฉาชีพป่วนแอปพลิเคชัน แบงก์ หนุนต่างชาติซื้อที่ดินในไทย แต่ต้องทำประชามติ
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2566 ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กทม. โพสต์ทูเดย์ จัดงานครบรอบ 20 ปี ชื่องาน “อนาคตประเทศไทย Economic Drives เศรษฐกิจไทย สตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก” โดยช่วงบ่ายมีการจัดงานเสวนาโดยเชิญตัวแทนพรรคการเมืองมาแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจ “Policy Push-Market Drives กำหนดนโยบายอย่างไร ให้ตรงใจตลาดโลก”
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ก่อนให้คำตอบว่าก้าวนำโลกอย่างไร ต้องถามว่า เราจะสตาร์ทอย่างไร ในขณะที่มีคนไทยถือบัตรสวัสดิการคนจนอยู่ถึง 14 ล้านคน จะสตาร์ทอย่างไร ที่มีคนไทยเป็นหนี้ NPL ติดในแบล็กลิสต์บูโรถึงเกือบ 6 ล้านชีวิต จะสตาร์ทอย่างไรที่ SME 70% ไม่รู้ไปต่อได้หรือไม่ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ คำตอบมาจากการรื้อระบบโครงสร้างเศรษฐกิจหลายเรื่อง เพื่อตอบโจทย์ว่า เมื่อไทยก้าวไปข้างหน้า เป็นการเดินก้าวไปข้างหน้าด้วยคนไทยทุกคนพร้อมกันหรือไม่
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า สินค้ายอดฮิตของคนไทย เป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนของภาคอุตสาหกรรมไทย ส่งออกครั้งละ 1 ล้านคันคือ รถกระบะ แต่ข้อเท็จจริงชาวโลกตอนนี้ เขากำลังจะเลิกใช้รถยนต์สันดาป เลิกใช้น้ำมันดีเซล คนไทยเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถ EV เป็นเหตุให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องปรับ ต้องรื้อ เขาไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก 0 เพราะสิ่งที่มีคือ องค์ความรู้ Supply Chain ที่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับเศรษฐกิจไทยที่ต้องรื้อหลายเรื่อง
“ไทยมีของดีมาก แต่ทำอย่างไร ให้ของดีเป็นโอกาสของคนไทย ที่บอกว่าต้องรื้อคือ ทั้งเรื่องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อให้ต้นทุนพลังงานภาคเอกชนไทยถูกลง อุตสาหกรรมการเงิน ต้องมีการเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม ยกเลิกแบล็กลิสต์ ภาคการเกษตร ขายผลผลิตได้ราคา และที่สำคัญการรื้อระบบราชการ ลดการคอร์รัปชัน ใช้ระบบ Gov Tech ราชการในมือถือ” นายกรณ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เมื่อรื้อแล้วเศรษฐกิจไทยจะเปลี่ยนจากรถกระบะ เป็นรถ EV ทำให้เหยียบคันเร่งได้เต็มที่ แต่ต้องเหยียบด้วยยุทธศาสตร์ตอบโจทย์ความต้องการกระแสโลก โดยเอาของดีของเรามาเสนอต่อโลก โดยเราเสนอยุทธศาสตร์ 7 เฉดสี เช่น สีเขียว ส่งเสริมการลงทุนครั้งใหญ่ ปรับการผลิตพลังงานให้อิงกับการใช้พลังงานหมุนเวียน เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน สีเทา ไทยมีเศรษฐกิจนอกระบบมากสุดในโลกประเทศหนึ่ง เอาธุรกิจนั้นมาสู่แสงสว่างกำกับดูแล เก็บภาษี สีขาว สายมู สนับสนุนการท่องเที่ยวแนวศรัทธา สีน้ำเงิน การสร้างแพลตฟอร์มของคนไทย สีเหลือง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สตาร์ตอัป ส่วนสีรุ้ง ให้สิทธิที่เป็นธรรมแก่เพศสภาพหลากหลาย มองในมิติเศรษฐกิจ และยอมรับกำลังซื้อ LGBTQ ทั่วโลก นำพามาเป็นคู่ค้าเศรษฐกิจ เป็นต้น ดังนั้นถ้าขับเคลื่อนทั้งรื้อทั้งเร่ง จะสร้างโอกาส และเพิ่มรายได้ของประชาชน
เมื่อถึงช่วงถามตอบ ประเด็นการใช้เงินใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป็นช่องทางสะดวก แต่เป็นช่องทางทำให้มิจฉาชีพเข้ามาหาผลประโยชน์ หากเป็นรัฐบาลควรแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายกรณ์ กล่าวว่า มีคนถามเรื่องนี้ทุกวัน ประเด็นปัญหาเรื่องมิจฉาชีพ ปัญหายุคปัจจุบัน การให้ความรู้แก่ประชาชน ในแง่ของความเสี่ยงที่เกิดขึ้น จากการทำธุรกรรมผ่านแอป สำคัญสุดคือ เรื่องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ที่อาจนำไปสู่ทุนออกจากบัญชีบ้าง หรือถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้าทิพย์บ้าง การให้ความรู้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด
นายกรณ์ กล่าวว่า คิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีหน้าที่ต้องมากำกับในระดับสถาบันการเงิน ในการกำกับเรื่องความเสถียรของตัวระบบ เรื่องระบบ KYC ในการเปิดบัญชี การป้องกันการเปิดบัญชีม้า นำไปสู่การทุจริต ตามตัวมิจฉาชีพตัวจริงไม่ได้ เรื่องความเข้มงวดเรื่อง KYC ในการเปิดบัญชี และอาจต้องผลักภาระความรับผิดชอบบางส่วนให้ตัวสถาบันเอง ในกรณีที่เกิดการทุจริตในบัญชีธนาคารว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของบัญชีแล้วหรือยัง
เมื่อถามว่า พรรคมีนโยบายเกี่ยวกับการถือครองที่ดินของต่างชาติอย่างไร มีการปฏิรูปที่ดินหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องดูความพร้อมแต่ละพื้นที่ เรื่องของสิทธิการถือครองที่ดินโดยต่างชาติ ในบางพื้นที่อาจมีความเหมาะสมหากตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่นั้น ต้องยอมรับว่า ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในไทย แต่สนใจเข้ามาเฉพาะบางพื้นที่เป็นหลัก หากในพื้นที่นั้น เป็นที่ดินมีราคาแพงอยู่แล้ว ต่างชาติหมายปองอยู่แล้ว คิดว่าความเสี่ยงเรื่องการเบียดพื้นที่ของคนไทย โอกาสเป็นผู้ถือครองที่ดินจะมีน้อยลง ผลทางเศรษฐกิจเป็นบวกแน่นอน พูดตามตรง ความพร้อมของสังคม ยอมรับแนวความคิดแบบนี้หรือไม่ เชื่อว่าไม่ใช่ทุกที่หรือทุกคนยอมรับพร้อมกัน อย่าง กทม.ค่อยๆ คืบ ตอนนี้สามารถซื้อคอนโดฯ ได้ อนาคตเป็นเจ้าของพื้นที่ที่เป็นพื้นที่จำกัด บ้านที่อยู่อาศัยราคาแพง ต้องไปทีละก้าว
“เรื่องนี้ มองว่าเมืองไทยต้องมีวันพร้อม และมีความสามารถเปิดให้ต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินในไทยได้ เหมือนประเทศอื่น เปิดให้คนไทยซื้อ และถือครองที่ดินในประเทศเขาเช่นกัน แต่เป็นเรื่องจังหวะเวลา และสังคมจะยอมรับ ประเด็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจมีแน่นอน เป็นไปได้ที่ต้องทำประชามติ เรื่องแบบนี้หากมีพื้นที่ใดพร้อม ประชาชนเห็นประโยชน์ น่าจะทดลองดู ใช้แนวคิดแบบ Sandbox” นายกรณ์ กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์