ยลโฉมทรัพย์สิน 1.7 พันล้าน! ส.ว. “อุปกิต” เปิดเบื้องหลังขาย รร.ท่าขี้เหล็ก
ผ่าบัญชีทรัพย์สิน 1.7 พันล้านบาท! ส.ว. “อุปกิต ปาจรียางกูร” เปิดเบื้องหลังการขายธุรกิจโรงแรม “อัลลัวร์ กรุ๊ป” ท่าขี้เหล็ก เมียนมา 8.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้คนไทย ก่อนปมซักฟอกร้อน ฟ้องกันนัว เตรียมยื่น ป.ป.ช.สอบ
ชื่อของ “อุปกิต ปาจรียางกูร” นักธุรกิจชื่อดัง และ ส.ว. กำลังได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างมาก
เนื่องจากตกเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูก “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หยิบยกมาพาดพิงในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 กระทั่งถูก “อุปกิต” ฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาทในตอนนี้
อย่างไรก็ดี “โรม” และพลพรรค “ก้าวไกล” ไม่ยอมจบง่าย เปิดข้อมูลเพิ่มเติมสวนกลับ โดยเฉพาะประเด็นการถือครองหุ้นธุรกิจโรงแรม “อัลลัวร์” หรือ Allure Resort Hotel Tachileik Myanmar ตั้งอยู่ที่เมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา อาจไม่มีการขายหุ้นดังกล่าวจริง และเตรียมยื่นเรื่องแก่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบ
ประเด็นนี้คงต้องรอ “อุปกิต” ชี้แจงข้อเท็จจริงกันอีกครั้ง
กรุงเทพธุรกิจ พลิกข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ “อุปกิต” ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ว. เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2562 พบรายละเอียด ดังนี้
“อุปกิต” แจ้งสถานะว่าหย่า แต่มีบุตร 4 ราย โดยระบุประวัติทำงานย้อนหลังในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาต่อ ป.ป.ช. ว่า เมื่อปี 2558-2561 เป็นประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการ บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ปี 2561 เป็นกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาราโบลิก โซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด ปี 2561 เป็นอุปนายกสมาคมไทย-พม่าเพื่อมิตรภาพ ปี 2559-2561 เป็นกรรมการ กรรมการผู้จัดการ และประธานกรรมการ Myanmar UPA Company Limited
(ภาพโรงแรม Allure Resort Hotel Tachileik Myanmar จาก http://www.thelonerider.com)
“อุปกิต” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,774,334,576 บาท แบ่งเป็น เงินฝาก 39 บัญชี 648,639,979 บาท เงินลงทุน 5 แห่ง 4,048,581 บาท เงินให้กู้ยืม 5 ราย 80,500,000 บาท ที่ดิน 16 แปลง 324,260,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้าน 4 หลัง ห้องชุด 2 แห่ง และห้องแถว 1 แห่ง 167,000,000 บาท รถยนต์ 125,900,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 5,836,015 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 418,150,000 บาท
มีหนี้สิ้นทั้งสิ้น 48,468,415 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร 322,652 บาท เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 23,605,105 บาท หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 24,540,657 บาท
แจ้งรายได้ต่อปีโดยประมาณ 566,954,720 บาท ได้แก่ เงินเดือน ส.ว.+เงินเพิ่ม ส.ว. 1,362,720 บาท เบี้ยประชุมสมาชิกวุฒิสภา 192,000 บาท ดอกเบี้ยเงินฝาก 10 ล้านบาท ดอกเบี้ยขายฝาก 1 ล้านบาท ขายหุ้นบริษัท ยูไนเต็ด พาวเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 554,400,000 บาท และขายโรงแรม มีรายจ่ายรวม 6.4 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 2.4 ล้านบาท ค่าผ่อนรถยนต์ 1 ล้านบาท และค่าเล่าเรียน 3 ล้านบาท
ทรัพย์สินที่น่าสนใจ “อุปกิต” ในบัญชีเงินฝากรวม 39 บัญชีนั้นมี 6 บัญชีที่เป็นธนาคารในต่างประเทศ ได้แก่
- UOB SINGAPORE DEPOSITS 2 บัญชี รวม 6,470,716 บาท
- UOB SINGAPORE INVESTMENT (Trust Account) 1 บัญชี รวม 12,480,891 บาท
- UOB SINGAPORE INVESTMENT (Seccurities Account) 1 บัญชี รวม 12,534,917 บาท
- B.I.C. BANK LAO CO.,LTD 1 บัญชี รวม 554,400,000 บาท
- B.I.C. (CAMBODIA) PLC. 1 บัญชี เปิดเพื่อรับเงินจากการขายโรงแรม (มิได้ระบุยอดเงิน)
“อุปกิต” ระบุหมายเหตุไว้ด้วยว่า มีบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี ด.ช.ทวีทอง ไกรคุปต์ โดยนางปารีณา ไกรคุปต์ (อดีตภริยา อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ) และธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้ถามยอดบัญชีไปทางผู้ปกครองเด็กแล้ว แต่ไม่ได้รับการแจ้งกลับ แต่ได้ชำระเข้าบัญชีดังกล่าว รวม 2.5 แสนบาท/เดือน ตั้งแต่ปี 2557 โดยหากนับยอดรวมตั้งแต่ ม.ค. 2557-ส.ค. 2562 คิดเป็นเงินประมาณ 14 ล้านบาท
มีเงินให้กู้ยืม มี 5 ราย ได้แก่ พล.ต.อ.ประสาน วงศ์ใหญ่ ให้ยืมเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2561 มูลค่า 10.5 ล้านบาท นางพิตราภรณ์ สังขะทรัพย์ ให้ยืมเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2561 มูลค่า 2 ล้านบาท นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ให้ยืมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2559 มูลค่า 60 ล้านบาท นายติรวัฒน์ สุจริตกุล ไม่ระบุวันที่ให้ยืม มูลค่า 3 ล้านบาท และ Gilbert n. Gacrama บุคคลสัญชาติฟิลิปปินส์ ไม่ระบุวันที่ให้ยืม มูลค่า 5 ล้านบาท
“อุปกิต” แจ้งครอบครองรถยนต์รวม 17 คัน โดยมีรถหรูหลายคัน เช่น ROLLS-ROYCE GHOST รุ่นปี 2010 ได้มาเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2558 มูลค่า 15 ล้านบาท FERRARI 458 ITALIA รุ่นปี 2011 ได้มาเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2560 มูลค่า 19 ล้านบาท FERRARI 488 GTB รุ่นปี 2017 ได้มาเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2562 มูลค่า 27 ล้านบาท BENTLEY CONTINENTAL GTC V8 S รุ่นปี 2017 ได้มาเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2560 มูลค่า 15 ล้านบาท เป็นต้น
นอกจากนี้ยังถือครองพระเครื่องรวมมูลค่า 126 ล้านบาท รายการของโบราณจากยุโรป 19.1 ล้านบาท เครื่องถ้วย โอ่ง ของโบราณ 33.5 ล้านบาท รายการนาฬิกา 82,350,000 บาท และรายการแหวน 90.2 ล้านบาท และแจ้งถือครองงาช้างสมบูรณ์ 7 รายการ ได้มาเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2561 ทุกชิ้น รวมมูลค่า 9.3 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังแจ้งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.เชียงใหม่ทวีโชคชัย 1 แห่ง มูลค่า 3.8 ล้านบาท และลงทุนในกองทุนธนาคาร 4 แห่ง
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อ 20 ก.พ. 2566 พบว่า “อุปกิต” ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 11 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) ยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ 2 แห่ง ได้แก่
- หจก.เชียงใหม่ทวีโชคชัย ทุน 4 ล้านบาท ประกอบกิจการค้าอสังหาริมทรัพย์ มีหุ้นส่วนเป็น นายอุปกิต ปาจรียางกูร และนางมานิตย์ ปลั่งสมบัติ นำส่งงบการเงินปี 2564 ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 12,548 บาท
- บริษัท ยินดีสยาม จำกัด ทุน 3 ล้านบาท ทำธุรกิจการเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองหรือเช่าจากผู้อื่น มีกรรมการเป็น นายอุปกิต ปาจรียางกูร และนางสาวพิมพิลา จังพานิช นำส่งงบการเงินปี 2564 มีรายได้รวม 8,504 บาท ขาดทุนสุทธิ 98,501 บาท
ประเด็นที่หลายคนสนใจคือธุรกิจในโรงแรม “อัลลัวร์” นั้น ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเมื่อปี 2562 กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ว. “อุปกิต” ทำหนังสือเรียนชี้แจงต่อเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการขายธุรกิจโรงแรมท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยระบุว่า เอกสารฉบับนี้ ทำขึ้นที่ เขตดุสิต กทม เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2562 ชี้แจงข้อเท็จจริงการขายโรงแรม
ข้าพเจ้าขอเรียนแจ้งข้อเท็จจริงการขายโรงแรมของข้าพเจ้า ดังนี้ ข้าพเจ้าได้ขายโรงแรม Allure Resort Hotel Tachileik Myanmar ตั้งอยู่ในสหภาพเมียนมา เนื่องจากต้องการให้ปราศจากข้อครหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม อีกทั้งไม่ได้เข้าไปดูที่โรงแรมมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว จึงตัดสินใจขายกิจการโรงแรมออกไปก่อนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ส.ว. และได้กล่าวปฏิญาณตนต่อที่ประชุมสภาเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2562 โดยข้าพเจ้าได้รับการชำระเงินค่าโรงแรมดังกล่าวในต่างประเทศ โดยเข้าบัญชีธนาคาร B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. เลขบัญชีที่ 00001-01-000083-09 เป็นเงินทั้งสิ้น 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 251,672,000 บาท) จึงขอยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมในการรับการชำระเงินค่าโรงแรมดังกล่าว
“อุปกิต” แจ้งอีกว่า ได้ขายโรงแรมให้กับ นายชาคริส กาจกำจรเดช โดยปรากฏตามเอกสารสัญญาซื้อขายและกิจการโรงแรมที่นายอุปกิตแนบชี้แจงต่อ ป.ป.ช. สรุปสาระสำคัญได้ว่า สัญญาดังกล่าว ทำที่เขตดุสิต กทม เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2562 ระหว่างนายอุปกิต ปาจรียางกูร อายุ 57 ปี ผู้ขาย กับนายชาคริส กาจกำจรเดช อายุ 59 ปี เป็นผู้ซื้อ
คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายตกลงทำสัญญาซื้อขายฉบับนี้โดยมีเงื่อนไขและข้อตกลง ดังต่อไปนี้
1.ผู้ขายตกลงขายและผู้ซื้อตกลงซื้ออาคารตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล) 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ห้องพักจำนวน 78 ห้อง และกิจการโรงแรมชื่อว่า Allure Resort Hotel Tachileik Myanmar และสิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าว
2.คู่สัญญาได้ตกลงราคาที่ซื้อขายกันดังกล่าวในข้อ 1. ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตกลงจะชำระเงินกันภายในเดือน ส.ค. 2562 ให้แก่ผู้ขาย และตกลงชำระเงินให้แก่ผู้ขายในต่างประเทศ
3.คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า ผู้ขายจะส่งมอบการครอบครองและผู้ซื้อจะรับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าว ในวันที่ 9 พ.ค. 2562
“อุปกิต” ยังแนบเอกสารธนาคาร B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. ลงวันที่ 6 ส.ค. 2562 ว่าเงินจำนวน 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯเข้าบัญชีตัวเองแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ราชบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ระบุว่า นายอุปกิต มีเงินลงทุน 2 รายการ มูลค่ารวม 375,440,000 บาท ได้แก่ Allure Group Co.Ltd. ประเทศเมียนมา และ บริษัท อันดามันพาวเวอร์ แอนด์ ยูทิลิตี้ จำกัด
จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจของ “อุปกิต” ในประเทศเมียนมา พบว่า เจ้าตัวเคยเป็นกรรมการอยู่ 2 แห่ง ในชื่อ “UPAKIT PACHARIYANGKUN” คือ Myanmar Allure Group Co., Ltd. โดยบริษัทแห่งนี้เคยมี Tun Min Latt หรือ “ทุน มิน ลัต” เป็นกรรมการ และมี “อุปกิต” เป็นกรรมการผู้จัดการ ส่วนธุรกิจอีกแห่งคือ Myanmar UPA Co., Ltd. เคยมี “อุปกิต” เป็นกรรมการผู้จัดการเช่นกัน อย่างไรก็ดีขณะนี้ (20 ก.พ. 2566) ไม่ปรากฏชื่อ “อุปกิต” เกี่ยวข้องกับ 2 บริษัทนี้แล้ว
ส่วน “ชาคริส กาจกำจรเดช” ที่ซื้อหุ้นโรงแรมดังกล่าวต่อจาก “อุปกิต” ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2566 พบว่า เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 4 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) โดยทั้งหมดถูกระบุว่าเลิกกิจการไปหมดแล้ว ได้แก่
- บริษัท มังกรนอนกิน จำกัด สถานะเสร็จการชำระบัญชี
- บริษัท เฟติก้า จำกัด สถานะเลิก
- บริษัท เรอัล สตรองเจอร์ 789 จำกัด สถานะถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า ร้าง
- บริษัท เอ มีเดีย พลัส จำกัด สถานะถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า ร้าง
ทั้งหมดคือเบื้องลึกฉากหลังการขายโรงแรมอัลลัวร์ เมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ก่อนเป็นประเด็นร้อนที่ถูกนำไปอภิปรายทั่วไป และมีการฟ้องร้องกันนัวเนียอยู่ในตอนนี้
ทั้งนี้ “อุปกิต” มิเคยถูกตั้งข้อกล่าวหาใด ๆ ที่เกี่ยวกับ “ทุน มิน หลัต” หรือกรณีการถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแต่อย่างใด จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่