‘ธนกร’ไม่หวั่น‘โรม’ลุยสอบนายกฯ-รทสช.ปมทุนจีนสีเทา

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ออกมาเตือนถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อวานนี้ และมีการทำพิธีกรรมทางความเชื่อที่วัดยางใหญ่ ซึ่งอาจมีมนต์ดำเข้าตัวหากทำไม่ถูกต้อง ว่าตนทราบจากข่าว แต่คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นคนดี จึงมั่นใจว่าความดีจะคุ้มครองท่าน และนายกรัฐมนตรีเองก็ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา ส่วนที่นายชินวรณ์ เตือนก็ต้องขอขอบคุณ แต่จากที่ตนเห็นก็ไม่มีอะไร เป็นการกราบตามธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้ใกล้ยุบสภาแล้วรัฐมนตรีกลุ่มสามมิตรได้ตอบรับเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่าขณะนี้นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ย้ายสังกัดมาแล้ว และตนคิดว่าช่วงยุบสภาคงเป็นช่วงเดือนมีนาคม อีกทั้ง นายกรัฐมนตรีก็ย้ำเสมอว่าเรายังเป็นรัฐมนตรีรักษาการอยู่ ยังคงทำงานแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนเรื่องการเลือกตั้งก็ต้องแบ่งเวลาให้ชัดเจนและถ้าปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่น่ามีอะไร
 

เมื่อถามย้ำว่าขณะนี้กลุ่มสามมิตรยังมีการพูดคุยกันหรือไม่ นายธนกร ยอมรับว่ายังมีการพูดคุยกันอยู่ ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ความสัมพันธ์ส่วนตัวยังเหมือนเดิม ส่วนทางการเมืองสำหรับตนเดินหน้าไปไกลมากแล้ว รวมไปถึงขณะนี้ผลโพลสำรวจนายกรัฐมนตรีก็มาในอับดับต้นๆ 1-2 ดังนั้นในเสาร์ที่ 25 ก.พ. นี้ นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจะมีการเปิดนโยบายบางส่วนด้วย

ส่วนที่มีกระแสว่าหลายพรรคการเมืองจะจับมือกันและทิ้งให้รวมไทยสร้างชาติโดดเดี่ยว นายธนกร ระบุว่าการเมืองก็เดินหน้าไปแบบนี้ ดังนั้นหากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นทุกพรรคการเมืองก็จะเป็นมิตรกันเหมือนเดิม และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลเก่าก็จะเป็นมิตรที่ดี ย้ำว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร และรวมไทยสร้างชาติก็ตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะได้ส.ส.เท่าใด เพราะฉะนั้นเรื่ององค์ประกอบหลายๆอย่างจะทำให้ได้ระบการตอบรับจากประชาชน และจะทำให้พลเอกประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
 

เมื่อถามถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาระบุให้เข้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีและยึดทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจจีนสีเทา ซึ่งหนึ่งในนั้นคืออาคารที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น นายธนกร ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องอยู่ภายใต้กลไกของกฎหมาย หากมองสองมุม กลุ่มทุนจีนสีเทานายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการเด็ดขาด และบางส่วนก็เข้าสู่กระบวนการของศาลไปแล้ว 

“หากมีข้อมูลอะไรใหม่ๆ เช่น ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ จะมายื่นเรื่องเพิ่มเติมก็ถือเป็นเรื่องดี นอกจากนี้ นายธนกร ยังย้ำถึงกรณีดังกล่าวว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปตั้งแต่ต้น ว่าให้ดำเนินการตามกระบวนการ และตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมาย จึงขออย่าไปโยงเรื่องการเมือง และนำมาพยายามดิสเครดิตกันเลย”