จับสัญญาณ"ค่ายสีฟ้า" ดัน"อภิสิทธิ์" คัมแบ็ค ?
สัญญาณภายใน"ค่ายปชป." กับความพยายามดัน"อภิสิทธ์"คืนการเมืองในฐานะคีย์แมนอีกครั้ง น่าสนใจว่า อดีตนายกฯผู้นี้จะกลับสู่ "ฉากหน้า" ในบทบาทใด?
ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้ นอกเหนือจากตัว “ผู้สมัคร” ที่เปรียบเสมือน “หมากการเมือง” ท่ามกลางการเปิดตัวของค่ายการเมืองน้อยใหญ่อย่างคึกคักแล้ว ยังต้องจับตาไปที่การจัดวาง “ขุนพล” ที่จะมาทำหน้าที่เดินหมากในศึกเลือกตั้งรอบนี้
โดยเฉพาะ “ค่ายสีฟ้า” พรรคประชาธิปัตย์ ที่รอบนี้มีเดิมพันไม่ต่ำกว่า “52 ที่นั่ง ส.ส.” เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีสถาบันการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยให้กลับคืนมา
ที่ชัดเจนแล้ว เห็นทีจะเป็น “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ซึ่งรอบนี้ ปชป.ยังยึดสูตรเดิม ยืนยันจาก“มติกรรมการบริหารพรรค” ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา มีมติเสนอชื่อ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียว
หรือแม้แต่ตำแหน่ง “ผู้นำค่ายสีฟ้า” ซึ่งบรรดา “บิ๊ก ปชป.” ประสานเสียงยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ยังคงเป็น “จุรินทร์” ไม่มีทางเปลี่ยนม้ากลางศึก ดังที่มีความพยายาม “เลื่อยขา” หรือมีการปล่อยข่าวออกมาก่อนหน้าอย่างเด็ดขาด
เช็คชื่อ “ขุนพล” ที่จะมาร่วมเดินทัพพระแม่ธรณีรอบนี้ หนึ่งในบุคคลที่ถูกจับตาคือ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค
โดยเฉพาะการจัดบัญชี “ปาร์ตี้ลิสต์” ปชป. รอบนี้ “บิ๊กสีฟ้า” ประเมินที่นั่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์คร่าวๆ ไว้ที่ 10 ที่นั่งบวกลบไม่มาก ขณะที่ตามสูตรเดิมของ ปชป.หากไม่มีปัจจัยแทรกซ้อน “4 ลำดับแรก” จะล็อกไว้ให้หัวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคเรียงตามลำดับ ประกอบด้วย จุรินทร์ ตามด้วย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา บัญญัติ บรรทัดฐาน และอภิสิทธิ์ ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค
สอดคล้องกับท่าทีผู้นำ “ค่ายสีฟ้า” ล่าสุด ออกมาระบุถึงการจัดปาร์ตี้ลิสต์ ปชป.รอบนีี้ว่า “เตรียมเชิญอดีต 3 หัวหน้าพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อของพรรค”
ทว่า โฟกัสหลักจริงๆ อาจไม่ได้อยู่แค่ที่ “ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์” หากแต่มีเกมเหนือไปกว่านั้น โดยเฉพาะความพยายามจากบรรดา “พลพรรคคนรักมาร์ค” ในการจัดวางบทบาทอดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคผู้นี้ ให้กลับมาโลดแล่นในสนามการเมือง มองเกมยาวข้ามชอตไปถึงการครบวาระ 4 ปีของ “จุรินทร์” ที่จะต้องมีการเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงจังหวะไล่เลี่ยกับที่ ปชป.รู้ผลแพ้ชนะ
เงื่อนไขนี้ อาจต้องไปลุ้นกันที่ “ตัวเลข ส.ส.”ว่า ปชป.ภายใต้การนำของ “จุรินทร์” จะนำพา ส.ส.เข้าสภามากน้อยเพียงใด หากตัวเลขส.ส.เป็นที่น่าพอใจ ก็ย่อมเป็นความชอบธรรมที่จะส่งให้ “จุรินทร์” ได้ผงาดผู้นำพรรคต่อ
แต่หากผลออกมาตรงกันข้าม หรือมีปัจจัยเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งแทรกซ้อนเข้ามา นั่นย่อมเป็นการเข้าทางบางกลุ่มก้อนในค่ายสีฟ้า ในการเขย่าอีกรอบ เพื่อเดินเกมเปลี่ยนผู้นำ โดยอ้างธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยเป็นมาในอดีต
บรรดาพลพรรค “คนรักมาร์ค” เอง ก็ดูเหมือนจะรู้เกมตรงนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ“นักเลือกตั้ง”บางคนที่ย้ายพรรค ก่อนหน้ามีข่าวจะไปอยู่ขั้วตรงข้าม ว่ากันว่า มีนักการเมืองฝั่งที่มีความสนิทสนมอภิสิทธิ์ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เบนเข็มไปพรรคอื่นแต่ขั้วเดิมแทน เพื่อรอจังหวะหากในอนาคตอภิสิทธิ์คัมแบ็คโอกาสจะกลับคืนรังเดิมก็จะได้ไม่ยากเย็นนัก
“อภิสิทธิ์” เคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2565 หลังปรากฎภาพร่วมรับประทานอาหาร ระหว่าง อภิสิทธิ์ สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางการจับตาถึงท่าทีของอดีตนายกฯ และอดีตผู้นำค่ายสีฟ้าผู้นี้
ครั้งนั้น “อภิสิทธิ์” ยืนยันว่า “สำหรับเส้นทางทางการเมืองของผม ไม่ได้สนใจกติกา แต่รอดูทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า ซึ่งขณะนี้พรรคก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไร ยังไม่ตัดสินใจอะไร ขณะนี้ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะยังเป็นสมาชิกพรรค”
ไม่ต่างจากอีกหนึ่งตัวละครสำคัญคือ “สาธิต” รองหัวหน้าพรรค ก่อนหน้าระบุอย่างชัดเจน “พยายามที่จะทำอย่างไรก็ได้ ที่จะให้ท่าน(อภิสิทธ์)กลับมาช่วยในนามผู้บริหาร”
ขณะที่เวทีเปิดตัว “ว่าที่ผู้สมัคร” 8 จังหวัดภาคตะวันออก ทั้ง ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว คืนวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา “สาธิต” โชว์ขุมกำลังภาคตะวันออก ภายใต้ชื่อ “ทีมสาธิต” โดยเฉพาะ 2 จังหวัดสำคัญ ทั้งระยอง ไข่แดง “บ้านใหญ่ปิตุเตชะ” ที่รอบนี้ขนคนนามสกุลปิตุเตชะ ลงชิงชัยถึง 4 เขตจาก 5 เขต
ไม่ต่างจาก “จันทบุรี” ทีมสาธิต ประกอบด้วย อิทธิพล จังสิริมงคล ผู้สมัครหน้าใหม่ ยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา รวมถึงธีระ สลักเพชร อดีตส.ส. หวังผลไปที่การปักธง “แลนด์สไลด์” 2 เมืองผลไม้ ตีเมืองขึ้น-ตุนเสียง เพื่อสร้างแต้มต่อรองไปในคราวเดียวกัน
เหตุการณ์ ณ หาดแหลมเจริญ จ.ระยอง นอกเหนือจากคำยืนยันในการ “ไปต่อ” กับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ช่วงนอกรอบ “สาธิต” ยังพูดถึงสถานการณ์ประชาธิปัตย์ โดยยอมรับว่า เวลานี้ไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนเมื่อก่อน
ช่วงหนึ่ง “รองตี๋” ยังย้ำชัดว่า “มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้นำพรรคจะต้องไปพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ให้กลับมาช่วยพรรคประชาธิปัตย์หาเสียง”
จับสัญญาณปชป.ยามนี้เอาเข้าจริงอาจไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่ รายชื่อส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หวังผลไกลไปถึงการชิงผู้นำพรรคในอนาคตแต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่แม้ล่าสุดแม้ปชป.จะได้ข้อสรุปคือส่ง“จุรินทร์” เพียงคนเดียว
ประเด็นนี้ก็ยังคงสร้างปมค้างคาใจให้กับ “สาธิต” ที่ล่าสุดออกมาตั้งข้องสังเกตุว่า "ควรจะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 รายชื่อตามระเบียบของ กกต. แต่ต้องยอมรับว่าด้วยการเป็นสถาบันทางการเมือง หัวหน้าพรรคควรจะเป็นอันดับ 1 แต่ผมก็คิดว่าอีก 2 ที่ ควรไม่ปล่อยให้ว่างต้องทำให้เกิดประโยชน์”
การตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ของ “สาธิต”ไม่ต่างอะไรกับการส่งสัญญาณไปยัง “ผู้มากบารมี” ในปชป.ในการดัน “อภิสิทธ์”กลับมาผงาดในฐานะ "คีย์แมน" การเมืองแถวหน้าอีกครั้ง
ปรากฎการณ์เหล่านี้ จึงเป็นการตอกย้ำถึง“กลเกม”ภายในค่าย ปชป.ท่ามกลางศึกเลือกตั้งที่มีเดิมพัน “ที่นั่ง ส.ส.52+”