"นิติพล ก้าวไกล" รับเรื่ององค์กรพิทักษ์สัตว์ จ่อดันนโยบายพรรค
"นิติพล ก้าวไกล" เผย รับหนังสือองค์กรพิทักษ์สัตว์ ยืนยัน พร้อมเป็นรัฐบาลที่มีนโยบายสำคัญด้านสัตว์และสิ่งแวดล้อม
นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ตนได้รับหนังสือจากองค์กรที่ทำงานด้านการพิทักษ์สัตว์และสิ่งแวดล้อมหลายองค์กรที่ทำงานในประเทศไทยและระดับสากล พร้อมทั้งกล่าวว่า ข้อเสนอและข้อเรียกร้องในวันนี้จะถูกนำไปจัดทำเป็นนโยบายของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแน่นอน
โดยส่วนตัวนอกจะรักสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ยังเป็นเจตนารมณ์ที่ทำให้ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อผลักดันเกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อมด้วย ตนเชื่อมาตลอดว่าทุกชีวิตมีค่าต้องให้ความสำคัญเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือน้องหมาน้องแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงหรืออยู่ตามข้างถนน พวกเขาควรได้รับการดูและมีแนวทางการจัดการที่ดี นอกจากเพื่อให้พวกเขามีสภาพความเป็นอยู่ที่ปลอดภัยสะอาด อบอุ่น อิ่มท้องแล้ว ยังเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่อาจย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์เองด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคระบาดหรือการถูกทำร้ายจากสัตว์จรและสัตว์ป่า
“ประเด็นสวัสดิภาพสัตว์เป็นประเด็นสากล ในฐานะนักการเมืองที่เดินเข้ามาอาสาต่อสู้เพื่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมก็จะต่อสู้เรื่องนี้ต่อไป รับปากว่าเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น การที่องค์กรเกี่ยวกับสัตว์และสิ่งแวดล้อมทั้งไทยและต่างประเทศนำความความอัดอั้นตันใจมาสะท้อนให้พวกเราในสภาได้ฟังมั่นใจว่าไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสวัสดิภาพสัตว์ที่เห็นคุณค่าของทุกชีวิตเท่ากัน” นายนิติพล ระบุ
สำหรับการยื่นหนังสือในครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันขององค์กรที่ทำงานด้านการพิทักษ์สัตว์และสิ่งแวดล้อมหลายองค์กรที่ทำงานในระดับสากล ได้แก่ มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม, ecoflix และองค์กรที่ทำงานในระดับประเทศอย่างหนัก ได้แก่ องค์กรพิทักษ์สัตว์ไทย, มูลนิธิว้อทซ์ด้อกไทยแลนด์, มูลนิธิเพื่อสัตว์ป่า, องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย, องค์กรเพื่อสวัสดิภาพสัตว์แห่งประเทศไทย, องค์กรสิทธิสัตว์แห่งประเทศไทย, ประธานมูลนิธิรักษ์สัตว์ป่า, และตัวแทนจากนักแสดงคนรักสัตว์
โดยมีเนื้อหาในหนังสือระบุว่า ตั้งแต่ประเทศไทยมีการเลือกตั้ง ยังไม่มีรัฐบาลชุดไหนให้ความสนใจที่จะแก้ปัญหาสวัสดิภาพของสัตว์อย่างจริงจังและจริงใจ โดยให้เหตุผลว่าปัญหาสัตว์ไม่เกี่ยวกับคน แต่ข้อเท็จจริงแล้วปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจากการละเลยการดูแลชีวิตสัตว์ส่งผลโดยตรงต่อพลเมืองโดยรวม ไม่ว่าทั้งในเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ และทาง สังคม การละเลยในการแก้ไขปัญหาสวัสดิภาพสัตว์ ทำให้เกิดการระบาดของโรคต่าง ๆ ที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อประชาชนได้
ดังเช่น การล้มตายของวัวจากโรคปากเท้าเปื่อย โรคลัมปีสกิน โรคไข้หวัดหมู ไข้หวัดนก หรือการขาดแคลนในเรื่องวัคซีนหลายชนิดของสุนัขในรอบหลายปีที่ผ่านมาและการนำวัคซีนที่ไร้ประสิทธิภาพมาใช้ ส่งผลให้โรคพิษสุนัขบ้าที่หายไปจากประเทศไทยในหลายสิบปี ได้กลับมาระบาดในประเทศไทยอีกครั้งในหลายพื้นที่และกำลังเป็นระเบิดลูกใหม่ไล่ตามหลังรัฐบาลชุดนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและจะส่งผลอย่างร้ายแรงต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศ
นอกจากนี้ รัฐบาลชุดนี้ยังล้มเหลวในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายต่อค้าสัตว์ป่า การทารุณกรรมสัตว์ ในรูปแบบต่างๆที่ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากการแก้ไข ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มจับตามองจากนานาชาติ การนำเข้าสัตว์ป่า การปล่อยให้มีการใช้สัตว์ป่าแบบไม่เหมาะสมในประเทศ เช่นการปล่อยให้มีการใช้สัตว์ป่ามาเป็นสัตว์เลี้ยง การทารุณกรรมช้างและสัตว์นานาชนิดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ถูกวิพากวิจารณ์และประนามจากทั่วโลกโดยรัฐบาลชุดนี้ทำเอาหูทวนลมกับปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา
กลุ่มภาคีการทำงานเพื่อสัตว์ในประเทศไทย รู้สึกผิดหวังต่อการทำงาน ที่ขาดความจริงใจจากรัฐบาล การเดินทางมายื่นข้อเรียกร้องขององค์กรร่วมภาคีคนรักสัตว์ไม่ได้มาเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ให้มารับปัญหาเพื่อนำไปแก้ไข แต่นำข้อเรียกร้องทั้งหมดส่งต่อไปยังพรรคการเมืองต่างๆ ที่กำลังจะเตรียมลงเลือกตั้งเข้าไปเป็นรัฐบาลสมัยหน้า เพื่อให้ได้นำปัญหาดังกล่าวไปพิจารณาและจัดตั้งนโยบายสวัสดิภาพสัตว์ใน ประเทศไทยให้เข้ากับสภาวะของการขับเคลื่อนการอนุรักษ์สัตว์ให้ทัดเทียมสากลโลก โดยมีข้อเสนอและเรียกร้องคือ
1. ปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติม กฎหมายการทารุณกรรมสัตว์
2. ตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลปัญหาสวัสดิภาพภาพสัตว์ในประเทศไทยโดยตรง โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการ หรืออนุกรรมาธิการที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ ทำหน้าที่พิจารณาปัญหาสัตว์ในประเทศไทย
3. จัดตั้งหน่วยงานที่ทำงานโดยตรงที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ เช่น หน่วยตำรวจปราบปรามและช่วยเหลือสัตว์ (Animal Cops) จัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือและกู้ภัยสัตว์ รวมถึงให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมาย จัดตั้งกองจัดการสวัสดิภาพของเทศบาล ตำบล หรือ อบต ในทุกท้องถิ่นเพื่อควบคุมและป้องปรามการ ทารุณกรรมสัตว์สัตว์ในท้องที่ของตน
4. ตั้งนโยบายเพื่อความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาสัตว์ในประเทศระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชน
5.ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ข้อบังคับและกฎกระทรวงที่ว่าด้วยการนำเข้าและส่งออกสัตว์ให้เข้ากับโลกยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อป้องกันปัญหาโรคอุบัติใหม่ที่จะนำเข้าจากต่างประเทศ การนำเข้าสัตว์แบบไร้การควบคุมทำให้เกิดสัตว์ต่างถิ่น (Aliance species) เข้ามาอยู่ในพื้นที่
6. ให้อำนาจการบริหารจัดการเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ในแต่ละพื้นที่ต่อองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น จะต้องมีการสนับสนุนงบประมาณในการจัดการแก้ไขปัญหาให้แต่ละท้องถิ่น มีการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ประชาชน ในแต่ละพื้นที่ให้มีความรู้ความเข้าใจและจะสามารถแก้ไขปัญหาที่มาจากสัตว์ ไม่ว่าเรื่องสัตว์จรจัด โรคระบาด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ