"โรม" สยบเกาเหลา! ยันปมขัดแย้ง "พิธา-ปิยบุตร" ยุติแล้ว
"โรม" ออกโรงสยบเกาเหลา ยันปมขัดแย้ง "พิธา-ปิยบุตร" ยุติแล้ว ลั่น "ก้าวไกล" ยอมรับคำวิจารณ์ ปัดมีการแทรกแซงพรรค
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2566 ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ความเห็นต่อกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ นั้นว่า เมื่อคืนนี้เหมือนเป็นการจัดเลี้ยงกันที่ร้านของนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. ซึ่งไม่ได้เป็นทางการอะไร เป็นเพียงการเลี้ยงส่งทั่วไปของสัปดาห์สุดท้ายในสภา ซึ่งนายพิธา นายปิยบุตร และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็มาด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่นไม่มีอะไร
"ผมอยากจะบอกว่าอย่ามองพรรคก้าวไกลโดยตัดสินด้วยแว่นที่มองทางการเมืองแบบที่ผ่านมา เพราะจะไม่มีวันเข้าใจพรรคก้าวไกล ผมคิดว่าเรายังเป็นพรรคการเมืองที่เชื่อในเรื่องการเปิดพื้นที่ให้คนได้แสดงความคิดเห็น ซึ่งแน่นอนบางความคิดเราอาจจะเห็นด้วยและบางความคิดเห็นอาจจะไม่เห็นด้วย ซึ่งในฐานะมนุษย์ธรรมดาเราก็อาจจะมีความรู้สึก มีการตอบโต้ แต่ถามว่าจะทำให้พวกเรากลายเป็นศัตรูกันอาฆาตกัน เกลียดกัน แบ่งพรรคออกเป็น 2 ขั้วถ้าไม่เป็นความจริง ซึ่งคนก็อาจจะเชื่อว่ามีการแบ่งก๊กหรือกลุ่มไปอยู่กับคนนั้นคนนี้ โดยรวมบรรยากาศมีการ ปรับความเข้าใจต่าง ๆ กันมากขึ้น" นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายปิยบุตรเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคก้าวไกลนั้น เป็นการเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงและจะนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกลในอนาคตหรือไม่ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นายปิยบุตร ไม่สามารถเข้ามาได้อยู่แล้วโดยกฎหมาย แต่ถามว่าจะเจอกันตามสถานที่สังสรรค์ไปกินข้าว ด้วยกันนั้นผมไม่คิดว่า จะเป็นการครอบงำพรรค หรือการแทรกแซงการทำงานของพรรค การบริหารงานของพรรคยังคงทำตามกฎหมาย ซึ่งผมมองว่าสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินนั้น ตัดสิทธิ์ในระบบการเลือกตั้ง ไม่ได้ตัดสิทธิ์ในการใช้ชีวิตของเพื่อนฉันท์มนุษย์ ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามีความสนิทมักคุ้นกับนายปิยบุตร ซึ่งตนเองก็รู้จักกันมาก่อนเป็น ส.ส. ทั้งนี้ การจะตีความว่าครอบงำจะต้องมีหลักฐานให้ชัดเจน ว่านายปิยบุตร เข้ามาบริหารงาน เข้ามาสั่งการ จึงอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงได้ในเบื้องต้น ซึ่งเราต้องบอกว่าไม่มีทาง
เมื่อถามว่าในโพสต์ของนายปิยบุตร มีการพูดถึงสมาชิกพรรค มาขอคำปรึกษาจากนายปิยบุตร แทนที่จะปรึกษาหัวหน้าพรรคฯนั้น โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ต้องแยกแยะว่าสิ่งที่นายปิยบุตรวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล นั้นใครก็สามารถทำได้อยู่แล้ว โดยธรรมชาติของนายปิยบุตรก็เป็นนักวิชาการ ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ในการตั้งพรรคอนาคตใหม่ ความรู้ในด้านการเมือง กฎหมายรัฐธรรมนูญดังนั้นถ้าหากมีใครจะไปปรึกษา ก็สามารถทำได้อยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นนักเขียนคอลัมนิสต์ให้คำแนะนำดังกล่าวทางออนไลน์หรือสื่อก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย สามารถทำได้
ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายปิยบุตร ยกกระแสพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ มาวิจารณ์ว่ามีผลต่อพรรคก้าวไกลภายใต้การนำของนายพิธา เพื่อเป็นการสร้างสตอรี่บนพื้นที่สื่อนั้น โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่มีใครอยากจะสร้างสตอรี่ด้วยวิธีนี้ ถ้ามองให้เห็นบนถ้อยคำและอักษรนั้นของทั้งสองคนก็ต้องยอมรับความจริงว่า มันมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันจริงๆ และดูถ้อยคำในโพสต์ก็รุนแรงจริงๆ และในความเป็นมนุษย์ก็เข้าใจได้ อย่าไปมองว่าถึงขนาดเราไปสร้าง Storyเล่นกระแสนั้นเป็นการคิดไปไกล แต่พอเขาทะเลาะกันไม่จบ เราบอกว่าพรรคนี้เขาแตกกัน พอเขาเคลียร์กันจบแล้วก็บอกว่าดราม่าหาพื้นที่ สรุปว่างั้นพวกผมควรทำยังไง ซึ่งก็ ห้ามไม่ได้คนสองคนมันทะเลาะกัน แต่ว่าสุดท้ายถ้าเราทะเลาะกันเรามองให้เป็นมนุษย์ปกติก็หากระบวนการจบได้เท่านั้นเอง