ศึกแย่ง “บัตรคนจน” ‘ตู่ 1,000’ ปาด ‘ป้อม 700’
ไม่แปลกที่ “2 ลุง” จะแย่งชิงฐานเสียงจากผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากเดิมมีผู้ถือบัตร 13.2 ล้านคน ก่อนจะเปิดลงทะเบียนใหม่ โดยมีผู้ลงทะเบียนพุ่ง 21 ล้านคน ผ่านการรอบรองแล้ว 8 ล้านคน "2 ลุง" อาจมุ่งหวังเปลี่ยนจำนวนผู้ถือบัตรให้เป็นคะแนนการเมือง
“2 ลุง” ประกาศศึกรอบใหม่ เคลมเป็นคนจัดทำ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือที่เรียกกันคุ้นปากว่าบัตรคนจน เพื่อแย่งชิงคะแนนนิยมจาก “ผู้ถือบัตร” ให้แปรเปลี่ยนเป็นแต้มการเมือง ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้
“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชิงเหลี่ยมด้วยการประกาศนโยบายเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากเดิม 200-300 บาทต่อเดือน อัพเกรดมาเป็น 700 บาทต่อเดือน
“ประวิตร-พปชร.” อ่านขาดว่านโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะสามารถดึงคะแนนนิยมให้พรรค พปชร.เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งตั้งแต่ประกาศนโยบายดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ทำให้พรรคอยู่ในโฟกัสการเมืองมากขึ้น และถูกใช้เป็นนโยบายหลักที่ให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ติดป้ายหาเสียงด้วยนโยบาย “ป้อม700”
โดยมี “แกนนำพปชร.” บางคน แอบหวั่นในใจว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม จะมีทีเด็ดมาแก้เผ็ด “ป้อม 700” เพื่อแย่งฐานเสียงผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐคืน
สุดท้ายก็เป็นไปตามที่ “แกนนำพปชร.” คาดการณ์เอาไว้ หลัง “ประยุทธ์” ประกาศนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส บนเวทีปราศรัยจังหวัดนครราชสีมา ด้วยการเพิ่มวงเงินในบัตร เกทับบลัฟ “ประวิตร-พปชร.” จาก “ป้อม 700” ต้องมาเจอ “ตู่ 1,000”
ไม่แปลกที่ “2 ลุง” จะแย่งชิงฐานเสียงจากผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อปลายปี 2565 ครม.อนุมัติงบประมาณวงเงิน 2,644 ล้านบาท ช่วยเหลือค่าครองชีพผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.2 ล้านคน
ตัวเลขผู้ถือบัตร 13.2 ล้านคน หากแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนในวันกาบัตรเลือกตั้ง ย่อมทำให้พรรคการเมืองมีแต้มเยอะพอที่จะชนะการเลือกตั้งได้เลย ศึก “2 ลุง” รอบใหม่จึงปะทุขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่สำคัญในช่วงต้นเดือน ม.ค.2566 ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง เปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ล้างไพ่ 13.2 ล้านคนเสียใหม่ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ หากใน 13.2 ล้านคน มีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะโดนตัดสิทธิไปโดยปริยาย
ทว่า ยอดผู้ลงทะเบียนที่แจ้งความจำนงค์กลับทะยานสูงขึ้นเป็น 21 ล้านคน ซึ่งขณะนี้ผ่านการรับรองไปแล้ว 8 ล้านคน ส่วนที่เหลืออีก 13 ล้านคน อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติ เมื่อดูตัวเลขผู้ลงทะเบียน 21 ล้านคน ยิ่งทำให้ “2 ลุง” ต้องเดินเครื่องแย่งชิงโอกาสการเมืองในส่วนนี้
บนเวทีปราศรัยจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ก.พ. “ประยุทธ์” ใช้กลยุทธ์ถามประชาชนที่ร่วมฟังการปราศรัย ด้วยการพูดชัดถ้อยชัดคำว่า “บัตรลุงตู่” บลั๊ฟกลับ “ประวิตร-พปชร.” อย่ามาแย่งความนิยมจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
คล้อยหลังเพียง 2 วัน “ประวิตร” ไฟเขียวให้ “อุตตม สาวนายน” – “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ออกมาตอบโต้ประกาศลั่นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ “ทีม 4 กุมาร” คิดมาเอง เพื่อกอบกู้แต้มการเมืองให้ยังอยู่กับพรรค พปชร.
อย่างไรก็ตาม โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณของประเทศไปแล้วจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ปี 2560 ค่าทำบัตร 1,581.77 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตร 11.46 ล้านคน วงเงิน 46,000 ล้านบาท
ปี 2561 ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ วงเงิน 13,872 ล้านบาท มาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 5,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ วงเงิน 38,730 ล้านบาท
ปี 2562 ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ วงเงินทั้งสิ้น 13,210 ล้านบาท บรรเทาค่าครองชีพผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ วงเงินทั้งสิ้น 20,102 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 10,000 ล้านบาท ขยายเวลาบรรเทาค่าครองชีพผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 1,869.3 ล้านบาท
ปี 2563 ขยายเวลาบรรเทาค่าครองชีพผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ จำนวน 1,423.5 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 1,008 ล้านบาท ช่วยเหลือเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 2,642.08 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 29,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 21,000 ล้านบาท
ปี 2564 ช่วยเหลือเพิ่มเติม 1,008 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 8,122 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 30,000 ล้านบาท
ปี 2565 ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 2,642.08 ล้านบาท ช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 35,514 ล้านบาท
โดยใช้งบประมาณจากงบประจำที่อนุมัติผ่านกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึ่งหากไม่เพียงพอจะขออนุมัติจากงบกลางเพิ่มเติมในภายหลัง
จากนี้ต้องติดตามว่า “2 ลุง” จะแก้เกมอีกฝั่งอย่างไร “ป้อม 700” จะขยับวงเงินไปสู้ “ตู่ 1,000” หรือไม่ เพราะหากตันอยู่ที่ 700 บาท โอกาสที่จะพ่ายเกมนโยบายให้กับ “ประยุทธ์-รทสช.” ย่อมมีสูง