‘ธนกร’ปัดเกทับบัตรคนจน‘ป้อม 700’ลั่นที่มางบทุกนโบายไม่เหมือนบางพรรค
‘ธนกร’ปัดเกทับบัตรคนจน‘ป้อม 700’ลั่นที่มางบทุกนโบายไม่เหมือนบางพรรค ชี้แค่เริ่มต้นรทสช.มีอดีต ส.ส. ในมือ 40 เสียงแล้ว เชื่อกระแสยุบสภาฯ 21 มี.ค.อาจเป็นไปได้
นายธนกร วังบุญคงชนะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวชี้แจงถึงกระแสข่าวสภาฯในวันที่ 21 มีนาคมว่า ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นไปได้ ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับพลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่าเราก็ทำงานไปตามปกติ
เมื่อถามว่าหากยุบสภาฯก่อนวันที่ 21 มีนาคมจะสามารถเป็นไปได้หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า การยุบสภาตนมองว่าเดือนนี้ก็เป็นเดือนที่เหมาะรับเป็นเดือนสุด ส่วนวันที่ 21 มีนาคม ก็มีความเป็นไปได้ ส่วนการเปิดตัวไว้ที่ผู้สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติในครั้งต่อไป ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 จะมีประมาณ 20 กว่าคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ มีส.ส.อยู่ และขณะนี้มีส.ส.อยู่ในมือไม่ต่ำกว่า 40 คนแล้ว
ส่วนที่มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ดูแคลนว่ารวมไทยสร้างชาติจะได้ไม่เกิน 25 คน ขณะนี้มีส.สแล้วกว่า 40 คน ก็คงไม่ใช่ และจากการลงพื้นที่กับพล.อ.ประยุทธ์ในหลายจังหวัดก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี จะเห็นได้จากผลงานการทำงานของนายกรัฐมนตรี 7-8 ปีที่ผ่านมา ว่ามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ฉะนั้นแม้ฝ่ายค้านจะหาเสียงโจมตีนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีผลงาน ตนจึงมองว่าการที่พรรคฝ่ายค้านยิ่งออกมาพูดจะยิ่งทำให้ประชาชนไว้ใจรวมไทยสร้างชาติมากยิ่งขึ้น และเห็นใจพลเอกประยุทธ์มากขึ้น
เมื่อถามถึงการเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีควรจะมาจากส.ส.ภายในพรรคหรือส.ส.ฝั่งพรรคที่ได้คะแนนเสียงสูงสุด นายธนกร ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดได้ขอให้รอดูตัวเลขภายหลังการเลือกตั้งว่าพรรคใดได้มากหรือน้อย แต่ตนเชื่อว่า พักร่วมรัฐบาลในปัจจุบันมีความผูกพันที่ดีอยู่ไม่มีความขัดแย้ง ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าตนคิดว่า พักร่วมรัฐบาลจะสามารถพูดจากันได้มากกว่าพรรคอื่น
เมื่อถามว่าจะได้คะแนนเสียงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการรวมคะแนนเสียงใช่หรือไม่ นายธนกร ปฏิเสธการตอบคำถามเนื่องจากไม่สามารถตอบแทนหัวหน้าพรรคอื่นๆได้ ต้องดูสถานการณ์ในตอนนั้น แต่ตนเชื่อมั่นในสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ ทำให้กับประชาชน และประชาชนก็เห็นในสิ่งที่ท่านทำ และจะให้โอกาสให้ พลเอกประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
นายธนกร ยังมั่นใจนโยบายของพรรคโดยเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสที่มีการปรับอัตราสนับสนุนเป็น 1,000 บาท สามารถทำได้อย่างแน่นอนเนื่องจากทราบที่มาของเงิน รวมไปถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน สิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายที่เรา ทำสำเร็จมาแล้ว ทำอยู่แล้วจะทำต่อไป โดยพล.อ.ประยุทธ์ ย้ำกับพรรคเสมอว่า ทุกนโยบาย ต้องมีแหล่งที่มาของงบประมาณอย่างชัดเจน
“ฉะนั้นการที่นโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคที่ต้องใช้งบประมาณสูงมาก ตนไม่รู้ว่าจะนำเงินมาจากส่วนไหน แต่ของรวมไทยสร้างชาติพลเอกประยุทธ์ย้ำเสมอว่า ทุกนโยบายต้องมีแหล่งที่มาของงบประมาณอย่างชัดเจนต่างจากพรรคอื่น ตอนนี้ตนยังไม่เห็นนโยบาย ของพรรคใดบอกที่มาของงบประมาณเลย เพียงแต่บอกนโยบายว่าจะให้ 3,000 4,000 5,000 ซึ่งก็ต้องว่ากันไป ซึ่งผมไม่ขอก้าวล่วง”
นายธนกร กล่าวต่อว่า ตนขอสื่อมวลชนอย่ามองว่าเป็นการเกทับกันเรื่องนโยบายระหว่างพรรคการเมือง เพราะเราก็รู้ดีว่านโยบายโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็เป็นแนวคิดที่พลเอกประยุทธ์ได้พูดคุยหารือ ฉะนั้นวันนี้แต่ละพรรคก็สามารถนำโครงการสวัสดิการแห่งรัฐไปกำหนดเป็นนโยบายของพรรคได้ ไม่มีปัญหา
“ย้ำว่านโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติถูกคิดมานานแล้ว เพียงแต่ทยอยเปิด และเราจะไม่พูดในสิ่งที่ทำไม่ได้ สิ่งที่พูดจะต้องสามารถทำได้และสำเร็จอย่างมาแล้ว พร้อมกับยังระบุอีกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติทราบดีว่านโยบายแต่ละส่วนจะนำเงินมาจากที่ใดเนื่องจากสุดท้ายแล้ว ทุกนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องผ่านด่านสุดท้ายคือนายกรัฐมนตรี”
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พล.อ.ประยุทธ์จะจับมือกับฝ่ายค้านชุดปัจจุบันในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า นาย ธนกร ระบุว่า ขอให้ดูคะแนนหลังเลือกตั้งดีกว่าว่ากลไกจะเป็นเช่นไร เพราะพรรคฝ่ายค้านบางพระก็ประกาศมาแล้วว่าจะไม่ร่วมกับรวมไทยสร้างชาติในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก็ไม่ว่ากัน แต่เราเองก็จะยังเดินหน้า รอมย้ำว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่ผู้ขัดแย้งกับใคร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน เพราะทุกคนทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้งพล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทิ้งพล.อ.ประยุทธ์ไปจับมือกับฝ่ายค้าน ชุดปัจจุบันหรือไม่ นายธนกร ระบุว่า เรื่องนี้ตนไม่ขอไปก้าวล่วง แต่ขอยืนยันในความสัมพันธ์ระหว่างพล.อ.ประวิตรและพล.อ.ประยุทธ์ ในความเป็นพี่เป็นน้องและความผูกพัน 40-50 ปี รอตนเองรู้จักพล.อ.ประยุทธ์มา 2-3 ปีก็ยังเคารพ จะนับประสาอะไรกับคนที่รู้จักกันมา 40-50 ปี
เมื่อถามย้ำว่าพล.อ.ประวิตรจะไม่ทิ้งพล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่าตนไม่อยากใช้คำว่าทิ้งเพราะท่านไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว และคิดว่าทั้ง 2 ท่านก็อยู่ในใจ ซึ่งจิตใจสำคัญกว่าร่างกาย วันนี้จิตใจนำพาร่างกาย แล้วมันจะไม่เกิดสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน ความรักความผูกพันมันมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน