"ธนาธร" ร้องแสงดาวแห่งศรัทธา ให้กำลังใจ "ตะวัน-แบม" ย้ำแก้ปัญหาการเมือง
"ธนาธร" บรรยายราชภัฏสกลนคร ร่วมร้องเพลง "แสงดาวแห่งศรัทธา" ส่งกำลังใจให้ "ตะวัน-แบม" ชี้ปัญหาหลักสังคมไทยคือความเหลื่อมล้ำ ประชาชนไร้สิทธิพลเมือง ย้ำต้องเริ่มด้วยการแก้ปัญหาการเมือง ปลุกความหวังคนรุ่นใหม่ร่วมผลักสังคมไทยไปข้างหน้า
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล รับเชิญเป็นวิทยากรในการบรรยายในงาน “รัฐศาสตร์ราษฎรเสวนา” ให้แก่นักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ในหัวข้อ “สิ่งที่ขัดขวางฉุดรั้งประชาธิปไตย”
ก่อนเริ่มบรรยาย นักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ ได้เชิญนายธนาธรขึ้นเวที ก่อนร่วมร้องเพลง “แสงดาวแห่งศรัทธา” ในพิธีเปิดงาน โดยนักศึกษาได้ร่วมกันชูสามนิ้วที่ติดสัญลักษณ์ดอกทานตะวัน พร้อมชูป้ายผ้าขนาดใหญ่ที่มีรูปของ“ตะวัน-แบม” เพื่อส่งกำลังใจและยืนหยัดข้อเรียกร้องของทั้งสอง ที่กำลังอดอาหารและน้ำต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาคดีการเมืองทุกคนในขณะนี้
นายธนาธร เริ่มต้นการบรรยายโดยระบุว่า ระหว่างที่ตนได้ร้องเพลงร่วมกับนักศึกษาเมื่อครู่นี้ ก็มีความรู้สึกอิ่มเอิบใจเกิดขึ้นมา ว่าตัวเองยังสามารถอุ่นใจกับอนาคตของประเทศไทยได้ ยังมีคนที่รักและหวงแหนความเป็นธรรมและประชาธิปไตยอยู่ในสังคมไทย โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ปรากฏการณ์ที่เราเห็นกันได้โดยทั่วไป คือความสิ้นหวังของคนหนุ่มสาวทั้งรุ่น ที่มองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง บ้างก็อยากย้ายประเทศไปหาโอกาสที่ดีกว่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะสังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาโครงสร้างที่นำไปสู่การจัดสรรทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรม กลุ่มทุนหยิบมือหนึ่งได้รับการเอื้อประโยชน์ให้เป็นผู้ผูกขาดตลาดอย่างไม่เป็นธรรม อย่างเช่น การประเคนสัมปทานให้กลุ่มทุนที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจโดยไม่ต้องให้มีการแข่งขัน อย่างสัมปทานร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบิน, การผูกขาดในตลาดเหล้า-เบียร์ จากนโยบายที่กีดกันประชาชนไม่ให้แข่งกับทุนใหญ่, ในตลาดโทรคมนาคมผ่านนโยบายที่ให้ควบรวมอย่างเสรี, กลุ่มทุนไฟฟ้าที่ร่ำรวยขึ้นมาเป็นหลักแสนล้านภายในเวลาไม่กี่ปีจากนโยบายพลังงานที่ผลักภาระมาให้ประชาชนจ่ายค่าไฟแพง ฯลฯ
นายธนาธร กล่าวอีกว่า เมื่อไปดูเครือข่ายความสัมพันธ์ของกลุ่มทุนเหล่านี้ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าล้วนแต่มีความสัมพันธ์เป็นเครือข่ายกับชนชั้นนำอภิสิทธิ์ชน ผ่านการบริจาคเงิน การสนับสนุนเงินทุนให้พรรคการเมืองบางพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร จึงไม่ต้องแปลกใจว่านโยบายรัฐที่ออกมาผ่านรัฐบาล ที่เป็นตัวแทนของชนชั้นนำอภิสิทธิ์ชน ล้วนแต่นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยอย่างมหาศาล
"นี่จึงเป็นเหตุที่ทำไมตัวเองถึงยืนยันมาตลอด ว่าการแก้ปัญหาแบบปลีกย่อยไปเป็นเรื่องๆ ไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศไทยได้ ถ้าไม่แตะต้องไปที่โครงสร้างของสังคมที่เอาส่วนแบ่งทรัพยากรจำนวนมากจากคนส่วนใหญ่ไปให้คนส่วนน้อย และจากการอยู่บนถนนการเมืองมาสี่ปี ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่ามีแต่การแก้ปัญหาโครงสร้างเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาของประเทศไทยได้" นายธนาธร กล่าว
ในช่วงท้ายของการบรรยาย นายธนาธร ได้ยกตัวอย่างปัญหาสามประการ ได้แก่เรื่องน้ำประปา, การรัฐประหาร และสิทธิการประกันตัวที่มีการเรียกร้องอยู่ในขณะนี้ มาชี้ให้เห็นว่าแม้ทั้งสามปัญหานี้ดูจะเป็นคนละเรื่องกัน แต่ทั้งหมดมีจุดร่วมเดียวกัน คือเกิดขึ้นเพราะรัฐไม่มองว่าประชาชนเป็นพลเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพแบบยุคสมัยใหม่ แต่ยังคงมีมุมมองต่อประชาชนแบบยุคโบราณที่เห็นว่าเป็นไพร่ทาส ที่การเข้าถึงบริการสาธารณะเป็นเรื่องของความเมตตาประชาชนไม่มีสิทธิทางการเมือง และไม่ต้องมีความเสมอภาคทางกฎหมาย ทั้งสามเรื่องล้วนเกี่ยวข้องกัน เป็นเรื่องของการไม่ตระหนักถึงสิทธิความเป็นพลเมือง
แต่ทั้งหมดที่พูดมานี้ ตนไม่ได้ต้องการให้ทุกคนสิ้นหวังไปมากกว่าเดิม เพราะเรายังคงมีความหวัง จากการมีคนหนุ่มสาวที่สนใจปัญหาบ้านเมืองจำนวนมาก อย่างเช่นชาวสิงห์ภูพาน ที่อยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน ที่ได้ร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในวันนี้ และยังคงต่อสู้อยู่ในวันนี้
“ฝ่ายชนชั้นนำจึงพยายามลบประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนออกไปให้หมด ฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตยมีความพยายามมาอย่างยาวนานเพื่อไม่ให้ประชาชนสนใจการเมือง บอกว่ามันเป็นเรื่องสกปรก แต่ความจริงแล้วการเมืองคือเรื่องของถนนหน้าบ้านคุณ คือเรื่องของน้ำประปา การปฏิรูปกองทัพ กฎระเบียบในโรงเรียน ล้วนเป็นเรื่องการเมืองความรู้สึกหมดหวังในชีวิตไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่เป็นผลผลิตจากสภาพแวดล้อมของสังคมแบบนี้ และจะเปลี่ยนแปลงมันได้ต้องเริ่มจากการสนใจการเมือง” นายธนาธร กล่าว